สมาชิก




ลืมรหัสผ่าน
สมัครสมาชิก
 

เมนู

หน้าแรก

รวมรูปภาพ

เว็บบอร์ด

สนทนาคนรักต้นไม้

 

บทความ

หิน-หินเทียม

สารพัดต้นไม้จัดสวน

ไม้ประดับเพื่อการจัดสวน

ปลูกต้นไม้มงคล

เกี่ยวกับเรา

สวนสไตล์ต่างๆ

ต้นไม้ประจำจังหวัด ภูมิสัญญลักษณ์ของเมือง

มหัศจรรย์โลกพฤกษา

ว่าด้วยเรื่อง.....ดิน....และ..ปุ๋ย

พืชจัดสวนมีพิษที่ควรระมัดระวัง

เปลี่ยนสวนเก่าให้เป็นสวนใหม่

จัดสวนพื้นที่ขนาดใหญ่

จัดสวนด้วยตัวเอง

ชื่อนั้นสำคัญไฉน

การทำบ่อเลี้ยงปลา และระบบกรองรักษาคุณภาพน้ำอย่างง่าย

มุมสวนสวยสำหรับคุณ

ในนี้มีอะไรเยอะแยะ

 
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 15/02/2008
ปรับปรุง 08/11/2024
สถิติผู้เข้าชม 55,529,126
Page Views 62,358,908
 
« November 2024»
SMTWTFS
     12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930

Family Description A-G

Family Description A-G

 

Family Description

A-G

รู้จักลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของพืชวงศ์ต่างๆกัน


ACANTHACEAE (วงศ์ไม้ต้อยติ่ง)

ACANTHACEAE (ACAN)

ประมาณ250 สกุล2,500ชนิด พืช วงศ์นี้ส่วนใหญ่กระจายพันธุ์อยู่ในเขตร้อนของทวีปอเมริกาถึงทวีปออสเตรเลีย

ประกอบด้วยพืชที่เป็นไม้พุ่มและไม้ล้มลุก ลำต้นเป็นสี่เหลี่ยม  มีใบคู่ตรงข้าม ดอกจะมีลักษณะเป็นช่อกระจะหรือช่อแยกแขนงออกที่ปลายยอด หลอดแยกเป็น 5กลีบ หรือรูปปากเปิดเช่น ฟ้าทะลายโจร ทองพันชั่ง  ดาดตะกั่ว  บุษบาฮาวาย

กาบรองดอกที่เห็นเด่นชัดเมื่อติดผลเป็นฝักเล็กๆแก่เต็ม ที่จะดีดตัวไปไกลเพื่อกระจายพันธุ์ เช่นต้อยติ่งพืชวงศ์นี้ปลูกเลี้ยงง่าย แข็งแรงทนทาน ขยายพันธุ์ง่ายด้วยการปักชำกิ่ง เช่น บุษบาฮาวาย อังกาบ เพ็ญทิวา สังกรณี ใบเงิน ใบทอง ใบนาก ดาดตะกั่ว ดาดทับทิม ขาไก่่ด่าง  ละอองดาว พรมออสเตรเลีย เสลดพังพอน ฯลฯ

เสลดพังพอน

อังกาบ

พรมออสเตรเลีย

ฮ่อม

สังกรณีใบมัน สังกรณี ฮ่อมช้าง ละอองดาว เหงือกปลาหมอ
ต้อยติ่ง ดาดตะกั่ว ใบเงิน ใบทอง ใบนาก เสลดพังพอนตัวเมีย เข็มพญาอินทร

ACERACEAE (วงศ์ก่วม)

ACERACEAE

(ACER)

วงศ์เล็กที่กระจายในเอเซียตะวันออกประกอบด้วย 2 ถึง 4 สุกลขึ้นกับขอบเขต มีประมาณ 120 ชนิดที่เป็นไม้ยืนต้นและไม้พุ่ม ในประเทศไทยพบ1สกุลคือACERลักษณะเป็นไม้ต้น ใบ เดี่ยว ติดตรงข้ามสลับตั้งฉาก ขอบเรียบ เส้นใบออกจากโคนใบ 3-5เส้น บางครั้งพบออกจากสองข้างของเส้นกลางใบแบบขนนก ไม่มีหูใบ ดอก แยก เพศสมมาตรตามรัศมี กลีบเลี้ยงและกลีบดอกมี 4 หรือ 5 กลีบ แยกจากกัน ผล มีปีกตัวอย่างพืชวงศ์นี้ได้แก่  

ก่วมเชียงดาว Acer chiangdaoense

ก่วมขาว Acer laurinium

ก่วมแดง Acer calcaratum

Acer oblong

ก่วมขาวAcer laurinium Acer laurinium ก่วมแดงAcer calcaratum

AGAVACEAE (วงศ์อากาเว่)

AGAVACEAE   

    (AGA)

       พรรณไม้ประดับที่น่าสนใจในวงศ์นี้ได้แก่ สกุลอากาเว่ (Agave) เฟอร์เครีย (Furcraea) และ    ยุกกา(Yucca) พบแล้วประมาณ 300ชนิด มีการกระจายพันธุ์ในทวีปอเมริกาเหนือและทางตอน  เหนือของทวีปอเมริกาใต้

เป็น พืชมีเหง้าใบมักแตกเป็นพุ่มหนาแน่นบริเวณโคนต้น ลำต้นมักแคบหนามีเนื้อมากลำต้นอาจสั้นหรือเจริญเติบโตดี ดอกสมบูรณ์เพศ มีดอกเพศเดียวและสมบูรณ์เพศอยู่ร่วมต้น หรือต่างเพศต่างต้น ไม่มีกระบังรอบหรือมงกุฏ เกสรเพศผู้มี6อัน ผลแห้งแตกหรือผลมีเนื้อหลายเมล็ด หรือเมล็ดเดียว  พืชวงศ์นี้ปลูกเลี้ยงง่าย แต่ไม่ทนกับน้ำท่วมขัง  แสงแดดครึ่งวันถึงตลอดวัน สามารถปลูกเป็นไม้กระถาง ขยายพันธุ์ด้วยการแยกหน่อหรือนำต้นที่เกิดจากดอกมาปลูกใหม่

A.angustifolia อากาเว่ A.angustifolia cv.Marginata อากาเว่ปากนกแก้ว

ป่านศรนารายณ์ ศรนารายณ์เขียว

AIZOACEAE (วงศ์ผักเบี้ยหิน)

AIZOACEAE

(AIZO)

ประมาณ130สกุล 1200 ชนิดพันธุ์  ส่วนใหญ่เป็นพืชกึ่งเขตร้อน สกุลที่เป็นพันธุ์พืชท้องถิ่นของไทยมี 3สกุล เป็นไม้ล้มลุกอวบน้ำ พุ่มเตี้ย เป็นพืชทนแล้งได้ดี แตกกิ่งก้านสาขามากใบใส ดอกจะออกเดี่ยวๆ สมบูรณ์เพศ ฝักแก่แตก ตัวอย่างชนิดพืชได้แก่

ผักเบี้ยเขียว (Glinus lotoides)
ผักขวง (Glinus oppositifolius)
หญ้าไข่เห่า, หญ้านกเขา (Mollugo pentaphylla)
ผักเบี้ยทะเล (Sesuvium portulacastrum)
ผักเบี้ย (Trianthema decandra)
ผักเบี้ยหิน (Trianthema portulacastum)
พรมมิ (Trianthema triquetra), เบบี้โรส (Aptenia cordifolia)

ผักเบี้ยทะเล ผักขวง หญ้าไข่เหา, สร้อยนกเขา

Baby Rose เบบี้โรส ผักขมหิน
ALANGIACEAE(วงศ์สลีกดง)


เป็นวงศ์เล็กทั่วโลกมีเพียง 1สกุล 21ชนิด จำกัดอยู่ในเขตศูนย์สูตรของแอฟริกาและเอเซีย พบทางภาคเหนือของไทย4ชนิด เป็นไม้พุ่มรอเลื้อย หรือไม้ยืนต้นผลัด ใบ ช่อดอกสั้นสีเหลืองอ่อนหรือครีมกลีบดอกอยู่ชิดกันแต่ไม่ซ้อนกัน กลีบเป็นเส้นยาวโค้งไปข้างหลังเมื่อดอกบาน ดอกมีกลิ่นหอม  ผลเกลี้ยงหรือมีขนห่างๆ ภายในมี1เมล็ด ตัวอย่างพืชในวงศ์นี้ ได้แก่

 ปรู, มะตาปู๋ - Alangium salvifolium

 สลีกดง - Alangium kurzii

 ผีเสื้อ - Alangium chinense

 Alangium barbatum

 ปรู, มะตาปู๋ - Alangium salvifolium

 ปรู, มะตาปู๋ - Alangium salvifolium

 ปรู, มะตาปู๋ - Alangium salvifolium

Alangium barbatum

สลีกดง - Alangium kurzii

 ผีเสื้อ - Alangium - chinense

  Alangium-chinense

ALISMATACEAE

ALISMATACEAE

(ALISM)

พืชวงศ์นี้มักเป็นไม้น้ำที่ขึ้นอยู่ในดินปนทรายทั่วไป ที่ลุ่มน้ำขังแฉะ หรือเลนโคลนใต้น้ำ ลำต้นมีเหง้าใหญ่ ใบจะแตกออกจากเหง้าเป็นกระจุกที่โคนต้น มีก้านใบชัดเจน ช่อดอกมีขนาดใหญ่ ก้านช่อยาวเป็นเหลี่ยม เช่น อเมซอน ตาลปัตรยายชี ผักนางกวัก

บัวอเมซอน

ผักนางกวัก

ตาลปัตรยายชี

ตาลปัตรฤาษี

AMARANTHACEAE

AMARANTHACEAE

(AMAR)

มี 64 สกุล ประมาณ 800 ชนิดเป็นไม้ ล้มลุก พุ่มเล็ก มีการกระจายพันธุ์ในเขตร้อนของทวีปอเมริกา มีอายุปีเดียวหรือหลายปี บางชนิดเป็นพืชผักหรือเป็นไม้ประดับ ใบเดี่ยว ติดเรียงแบบสลับหรือตรงกันข้าม ขอบใบเรียบ ผิวใบมีขน โดยเฉพาะอย่างยิ่งใบอ่อน กิ่งก้านและใบเล็ก ใบมีหลายสี มีดอกจำนวนมากและแต่ละดอกมี 1 เมล็ด พืชวงศ์นี้ปลูกเลี้ยงง่ายต้องการแสงแดดครึ่งวันถึงตลอดวัน นิยมปลูกเป็นไม้ประดับ ตัวอย่างพืชในวงศ์นี้


ผักเป็ดแดง (Alternanthera ficoides)
ผักเป็ดน้ำ (Alternanthera philoxeroides)
ผักเป็ดไทย (Alternanthera sessilis)
ผักขมใบแดง (Amaranthus caudatus)
ผักขมหัด (Amaranthus gracilis)
ผักขม (Amaranthus lividus)
ผักขมหนาม (Amaranthus spinosus)
ผักขมสวน (Amaranthus tricolor)
หงอนไก่ไทย (Celosia argentea)
หงอนไก่ไทย (Celosia argentea)
หงอนไก่ฝรั่ง (Celosia argentea var. cristata)
พันงูแดง (Cyathula prostrata)
บานไม่รู้โรยป่า (Gomphrena celosoides)
บานไม่รู้โรย (Gomphrena globosa)
ผักแพวแดง (Iresine herbstii)

ผักเป็ดไทย (Alternanthera sessilis) บานไม่รู้โรยป่า  ผักขม (Amaranthus lividus)

ผักขมสวน หงอนไก่ฝรั่ง (Amaranthus tricolor)เงาะถอดรูป
แดงชาลี ผักแพวแดง (Iresine herbstii) หงอนไก่ไทย (Celosia argentea)
บานไม่รู้โรย สร้อยไก่

AMARYLLIDACEAE (วงศ์พลับพลึง)

AMARYLLIDACEAE

(AMARY)

 มีประมาณ 65สกุล900ชนิด ไม้หัวล้มลุก อายุหลายปี ลำต้นอวบน้ำ มีกาบบางเป็นเยื่อหุ้มหัวใต้ดินไว้ ใบเดี่ยวขึ้นเป็นกระจุกจากหัว ดอกคล้ายดอกลิลลี่ สมบูรณ์เพศ ช่อดอกแบบร่มมีรังไข่อยู่ในวงกลีบซึ่งลิลลี่ไม่มี ตัวอย่างพืชในวงศ์นี้ได้แก่

  หอมเล็ก (Allium ascalonicum)
  กระเทียม (Allium sativum)
  กุ้ยช่าย (Allium tuberosum)
  พลับพลึง (Crinum asiatica)
  พลับพลึงแดง (Crinum amabile)
  ว่านนกคุ่ม (Eucharis grandiflora) ,ว่านนางคุ้ม (Proiphys amboinensis)
  ว่านมหาลาภ (Euerosis bicolor)
  ว่านแสงอาทิตย์, ว่านตะกร้อ (Haemanthus multiflorus)
  ว่านสี่ทิศ (Hippeastrum johnsonii), (Hippeastrum equestra)
  พลับพลึงตีนเป็ด (Hymenocallis littoralis)
  ซ่อนกลิ่น (Polianthes tuberosa )
  บัวดิน,บัวฝรั่ง,บัวจีนสีต่างๆ (Zephyranther spp.)

บัวสวรรค์ ว่านนางคุ้ม ว่านมหาลาภ ว่านแสงอาทิตย์

ขุนแผนสะกดทัพ พลับพลึง กทม ว่านรางทอง

พลับพลึงแดง บัวดิน ว่านรางเงิน

ว่านสี่ทิศ ซ่อนกลิ่นซ้อน ซ่อนกลิ่น ซ่อนกลิ่นไทย

ANACARDIACEAE (วงศ์ไม้มะม่วง)

ANACARDIACEAE

(ANACA)

มีประมาณ 75สกุล 600ชนิด เป็นไม้ ต้นหรือไม้พุ่ม  ส่วนของต้นพืชจะมีน้ำยางข้น โดยน้ำยางที่ออกใหม่ๆ มีสีขาวขุ่นหรือใสเมื่อถูกลมจะเปลี่ยนเป็นสีดำ

เปลือก ใบ และผลสดจะมีกลิ่นเปรี้ยวใบเรียงสลับอาจมีตรงข้ามแต่หายาก ดอกสมบูรณ์เพศ หรือไม่สมบูรณ์เพศ กลีบเลี้ยงหยักเป็นรูปต่างๆ มีกลีบดอก3-7กลีบ หรือไม่มีเลย เกสรเพศผู้มีจำนวนเท่ากับจำนวนกลีบดอก ผลมีเมล็ดแข็ง 

  มะม่วงหิมพานต์ (Anacardium occidentale)
  มะปราง (Bouea gandaria)
  มะยง (Bouea oppsitifolia)
  รักน้ำ (Gluta coarctata)
  รักป่า (Holigarna helferi)
  อ้อยช้าง (Lannea coromandelica)
  มะม่วงขี้ไต้ (Mangifera sylvatica)
  มะม่วง (Mangifera indica)มะม่วงนก(Magnifera glaba)
  รัก (Melanorrhoea glaba)
  รักขาว (Semecarpus cochinchinensis)
  รักใหญ่ (Melanorrhoea usitata)
  รักขน (Semecarpus anacardium)
  มะกอกป่า (Spondias bipinnata)
  มะกอกฝรั่ง (Spondias cytherea)
  มะห้อ (Spondias lakhonensis)
  มะกอก (Spondias pinnata), พระเจ้าห้าพระองค์ (Dracontomelon dao)

มะห้อ

มะม่วงหิมพานต์

พระเจ้าห้าพระองค์

รักใหญ่

รักขาว

รักน้ำ มะม่วงหัวแมงวัน มะมือ มะกอกหนัง ดอกมะกอกหนัง

มะม่วงขี้ไต้ มะยง มะปราง มะกอกป่า อ้อยช้าง

ANNONACEAE (วงศ์ไม้กระดังงา)

ANNONACEAE

(ANN)

ไม้เขตร้อนมีทั้งไม้ต้น ไม้พุ่ม และไม้เถาเลื้อย  เปลือกและใบมีต่อมน้ำมันทำให้มีกลิ่นเฉพาะตัว  โดยมากเหม็นเขียวเปลือกชั้นในของลำต้นส่วนใหญ่มีเส้นใยสานเป็นร่างแหบาง ๆ เรียงซ้อนกันเป็นชั้น ๆ  ใบเรียงสลับมีดอกสีนวลถึงน้ำตาลหลายผล  ติดอยู่บนแกนดอก บางชนิดจะเชื่อมติดกันเป็นผลกลุ่มเมล็ด มีขนาดใหญ่ ผิวหุ้มเมล็ดแข็งและเป็นมัน มีอาหารสะสม ผิวของเนื้อเยื่อสะสมอาหารเป็นร่องลาย หลายชนิดเป็นไม้ผลกินได้ เช่น น้อยหน่า, น้อยโหน่ง, ทุเรียนเทศ และมีหลายชนิดมีกลิ่นหอมและรู้จักกันโดยทั่วไป  เช่น  กระดังงา  ,สายหยุด  และการเวก   เป็นต้น

พันธุ์ไม้ในวงศ์นี้มีประมาณ  120  สกุล  2,100  ชนิด  กระจายพันธุ์ในประเทศไทย  35  สกุล  200  ชนิด ตัวอย่างพรรณไม้ในวงศ์นี้

จำปูน (Anaxagorea javanica) มะป่วน (Mitrephora tomentosa)
ทุเรียนเทศ (Annona muricata)
น้อยโหน่ง (Annona reticulata)
น้อยหน่า (Annona squamosa),น้อยหน่าออสเตรเลีย (Annona cherimolia)
กระดังงาจีน (Artabotrys odoratissim)
การเวก (Artabotrys siamensis)
กระดังงาไทย (Cananga odorata)
บุหรง (Dasymaschalon blumei)
สายหยุด (Desmos chinensis)
จำปูน (Goniothalamus expansus)
ปาหนันช้าง (Goniothalamus giganteus)
สะบันงาป่า (Goniothalamus griffithii)
บุหงาลำเจียก (Goniothalamus tapis)
ลำดวน (Melodorum fruticosum)
ปอขี้แฮด (Miliusa lineata)
หมาดำ (Miliusa thorelii)
หางรอก (Miliusa velutina)
นมแมว (Rauwenhoffia siamensis)
กล้วยหมูสัง (Uvaria grandiflora)
นมควาย (Uvaria hahnii)
กล้วยพังพอน (Uvaria hamiltonii)
กลาย (Xylopia malayana)
กล้วยน้อย (Xylopia vielana)

น้อยโหน่ง

มะป่วน

กระดังงาสงขลา

ลำดวน

ปาหนันช้าง

จำปูน

กล้วยหมูสัง

กล้วยอีเห็น

นมแมวดอกซ้อน หางรอก กระเจียน หมาดำ

น้อยหน่า ทุเรียนเทศ น้อยหน่าออสเตรเลีย สายหยุดแดง

APOCYNACEAE (วงศ์ตีนเป็ด)

APOCYNACEAE

(APOCY)

พันธุ์ไม้ในวงศ์นี้มีประมาณ 180 สกุล 1,500 ชนิด กระจายพันธุ์ในประเทศไทย 42 สกุล 150 ชนิด มีทั้งไม้ต้น    ไม้พุ่มและไม้เลื้อย  ลักษณะเด่นคือมีน้ำยางข้นสีขาวคล้ายน้ำนม การจัดเรียงใบตรงกันข้าม เวียนสลับหรือเป็นวง โดยมีสกุลเด่นๆ คือ

  • สกุลตีนเป็ด (ชื่อวิทยาศาสตร์:Alstonia) มีลักษณะผลเป็นฝักคู่ ขึ้นในป่าดิบที่ต่ำ ได้แก่ ตีนเป็ดหรือพญาสัตบรรณ (Alstonia scholaris (L.) R. Br.)

พญาสัตบรรณ Alstonia scholaris

สกุลตีนเป็ดทะเล (ชื่อวิทยาศาสตร์:Cerbera) ไม้ต้น ขึ้นตามป่าชายเลนและป่าชายหาดได้แก่ ตีนเป็ดทราย (Cerbera manghas L.) ผลมีเนื้อเมล็ดแข็ง

ตีนเป็ดทราย (Cerbera manghas L.)

สกุลคุย (ชื่อวิทยาศาสตร์:Willughbeia) ไม้เลื้อย ผลนุ่ม กลม สีเหลืองหรือส้ม ได้แก่ คุย (Willughbeia edulis Roxb.)

คุย (Willughbeia edulis Roxb.)

สกุลโมกหลวง (ชื่อวิทยาศาสตร์:Holarrhena) ไม้พุ่มผลัดใบหรือไม้ต้น สูงได้ถึง 15 เมตร เปลือกต้นสีเทาอ่อนถึง น้ำตาล หลุดลอกเป็นแผ่นกลมๆ ไม่เท่ากัน เช่น โมกหลวง (Holarrhena pubescens)

  • โมกหลวง (Holarrhena pubescens)

สกุลโมกมัน (ชื่อวิทยาศาสตร์:Wrightia) ไม้ต้นผลัดใบขนาดเล็กถึงขนาดกลาง สูง 8 - 20 เมตร เปลือกสีขาวหรือสีเทาอ่อนถึงน้ำตาล นิ่มคล้ายจุกไม้ก๊อร์ค เช่น โมกมัน (Wrightia arborea (Dennst.) Mabb.)

โมกมัน (Wrightia arborea (Dennst.) Mabb.)

ไม้ต้น ไม้พุ่ม ไม้เลื้อย อื่นๆในวงศ์นี้ เช่น บานบุรี ยี่โถ หิรัญญิการ์ ขะย่อมหลวง

บานบุรี

ยี่โถ

อรัญญิการ์

ระย่อมหลวง

ชมนาด พุดขมพู พุดร้อยมาลัย
แย้มปีนัง จันทร์กระจ่างฟ้า อรุณเบิกฟ้า โมกเครือ

ARACEAE (ไม้วงศ์บอนและเผือก)

ARACEAE

(ARA)

 มีประมาณ108 สกุล 3,750 ชนิด ลำต้นอวบน้ำ บางชนิดมีเนื้อไม้ บางชนิดมีรากเกาะเลื้อยตามต้นไม้อื่น  ลักษณะใบมีความหลากหลาย เป็นวงศ์ไม้ล้มลุกขนาดใหญ่ ที่มีลักษณะเด่นคือ มีลำต้นเป็นหัวสะสมอาหารอยู่ใต้ดิน มีตาปกคลุมโดยรอบ ภายในมีน้ำยางใสที่มีผลึกแคลเซียมออกซาเลตที่เป็นพิา เมื่อสัมผัสจะทำให้คัน มีช่อดอกแบบช่อเชิงลด มีกาบหุ้มช่อดอกที่มีสีสันสะดุดตา ตัวอย่างได้แก่ หน้าวัว บอนสี พลูด่าง เขียวหมื่นปี อุตพิด

พรรณไม้วงศ์ ARACEAE นี้มีสกุลที่สำคัญอยู่ดังนี้


สกุลอโกลนีมา (Aglaonema Schott)

พบทั่วโลกประมาณ 21ชนิด มีเป็นทั้งไม้พุ่มและไม้เลื้อย ลำต้นอวบน้ำมีข้อปล้องเด่นชัด เป็นพรรณไม้ที่ปลูกในเมืองไทยมานานแล้ว นับตั้งแต่ยุคของว่านและไม้มงคลต่างๆ ปัจจุบันมีชื่อพระราชทานว่า"แก้วกาญจนา" ได้แก่ เขียวหมื่นปี เขียวพันปี ขันหมากป่า

ขันหมากป่า อโกลนีมา

สกุลอโลคาเซีย (Alocasia (Schott) G.Don f.)

ไม้ล้มลุกอายุหลายปี มีลำต้นจริงเป็นหัวหรือเหง้าอยู่ใต้ดินใบรูปหัวใจหรือลูกศร ก้านใบสีเขียวมีลวดลาย ดอกแยกเพศอยู่บนช่อเดียวกัน ชอบดินชุ่มชื้นแสงแดดรำไรถึงครึ่งวัน แต่บางชนิดก็ชอบแสงแดดมากเช่นกระดาดขาว กระดาดแดง  กระดาดดำ แก้วหน้าม้า

แก้วหน้าม้า

กระดาดแดง

สกุลคาลาเดียม (Caladium Vent)

ที่ค้นพบแล้วมี 7ชนิด ปัจจุบันมีลูกผสมที่สวยงามในเมืองไทยมากมายจนได้ชื่อว่า"บอนสี" ราชินีแห่งไม้ใบ

สกุลโคโลคาเซีย (Colocasia Schott)

ที่ค้นพบปัจจุบันมี8ชนิด มีการกระจายพันธุ์ในเขตร้อนทั่วไป ได้แก่ บอนและเผือก คูน(ออกดิบ)

คูน ออกดิบ

บอนเขียว เขียวสยาม เผือก

สกุลสาวน้อยประแป้ง (Dieffenbachia Schott)

มีประมาณ 20ชนิด ปัจจุบันมีพันธุ์ลูกผสมที่นิยมปลูกเป็นไม้ประดับจำนวนมาก

ช้างเผือก ช้างสามสี อะบูฮาซัน

สกุลโฮมาโลมีนา (Homalomena Schott)

ลักษณะเด่นคือทุกส่วนของต้นเมื่อขยี้จะมีกลิ่นหอม เป็นไม้อวบน้ำชอบแสงแดดรำไร ขยายพันธุ์ด้วยการแยกหน่อ เช่น เสน่ห์จันทร์ขาว เสน่ห์จันทร์แดง ร่มญี่ปุ่น

สกุลมอนสเตอรา (Monstera A dans)

มีชื่อสามัญว่า Swiss - Cheese Plant และ Windowleaf มีการกระจายพันธุ์ในเขตร้อนของทวีปอเมริกา พบทั่วโลกประมาณ22ชนิด


สกุลฟิโลเดนดรอน (Philodendron Schott)

ปัจจุบันค้นพบแล้วประมาณ350-400ชนิด ซึ่งมีความหลากหลายของรูปใบและการเจริญเติบโตมาก

Fiddle-leaf Phillodendron

 ฟิลโลใบมะละกอ

ฟิลโลก้ามเกลี้ยง

สกุลซิงโกเนียม (Syngonium Schott)

หรือที่นิยมเรียกกันว่า เงินไหลมา ทองไหลมา พบแล้วประมาณ33ชนิด เป็นไม้เลื้อยอายุหลายปี

ออมเพชร

ออมทอง

เงินไหลมา ทองไหลมา


AQUIFOLIACEAE(วงศ์เน่าใน)

ทั่วโลกมี1สกุลประมาณ400ชนิดกระจายพันธุ์ทั่วโลก ส่วนใหญ่เป็นไม้ต้นขนาดเล็กหรือไม้พุ่ม ไม่ผลัดใบ ใบเดี่ยวเรียงเวียนสลับ แผ่นใบมักอวบน้ำ ขอบใบเรียบถึงหยักซี่ฟันมีติ่งหนามปลายหยัก

ดอกแบบช่อกระจุกออกตามง่ามใบ เหนือง่ามใบหรือปลายยอด ดอกขนาดเล็กสมมาตรตามรัศมี ดอกแยกเพศอยู่ต่างต้นหรือดอกแยกเพศอยู่ร่วมต้นแกมดอกสมบูรณ์เพศ

ผลเมล็ดเดียวแข็งมี2-4ถึงหลายเมล็ด มีผนังหุ้มเมล็ดแข็ง ตัวอย่างต้นไม้ในวงศ์นี้ ได้แก่ ศิลา Ilex cymosa, เน่าใน Ilex umbellulata

เน่าใน Ilex umbellulata

ช่อดอกเน่าใน

 

เน่าใน          

ศิลา Ilex cymosa

ดอกศิลา

ผลศิลา


ARALIACEAE (วงศ์เล็บครุฑ)

ARALIACEAE

(ARAL)

มี 65 สกุล 900 ชนิดเป็นไม้ เขตอบอุ่นและร้อนมีทั้งไม้ยืนต้น ไม้พุ่ม ไม้ล้มลุก และไม้เถาเลื้อย กิ่งแข็งแต่ตอนกลางมีไส้แกน ใบมักมีกลิ่นหอม มีทั้งใบเดี่ยว ใบประกอบแบบต่างๆ ขอบใบอาจเรียบหยักเว้าเป็นจักหรือเป็นฝอย มีเซลล์ขนขึ้นที่ใบ เยื่อก้านใบติดเป็นแผ่นบางที่โคนใบหรือติดอยู่ระหว่างก้านใบ หรือเป็นแผ่น ลิ้นอยู่เหนือโคนใบ

ดอกย่อยมีขนาดเล็ก สีเขียว มีรูปทรงได้สัดส่วน มีเพศเดียวหรือเพศครบ ดอกมีกลีบประดับย่อยรองรับ กลีบรอง มี 5 กลีบ ติดกันเป็นรูปถ้วย ปลายแยกเป็นจักซี่ กลีบมีขนาดเล็ก กลีบดอก มี 5 กลีบ แยกกันหรืออาจติดกัน มีสีขาวปนเขียว ร่วงเร็ว เกสรตัวผู้ มี 5 อัน อยู่แยกกัน ติดสลับกลีบดอก ตัวอย่างไม้ในวงศ์นี้ ได้แก่

Aralidium pinnatifidum มือพระนารายณ์

Heteropanax fragrans อ้อยช้าง

Polyscias fillicifolia ครุฑกนก

Brassaia actinophylla หนวดปลาหมึก

Polyscias guilfoylei ครุฑใบใหญ่

Macropanax dispermum เพี้ยฟาน

Pseudobrassaiopsis polyacantha ผักหนามช้าง

Brassaiopsis hookeri ต้างบก

Schefflera bengalensis หนวดปลาหมึกเขา

Trevesia valida คันหามเสือ

Trevesia palmata ต้างหลวง

ครุฑใบกุหลาบ ครุฑผักชี ต้างเขา ต้างหลวง

คันหามเสือ ต้าง พระเจ้าร้อยท่า อ้อยช้าง มือพระนารายณ์

ARAUCARIACEAE

ARAUCARIACEAE

(ARAU)

ไม้ยืนต้นไม่ผลัดใบมียาง แตกกิ่งรอบต้น จัดเรียงแบบใบสลับ ใบคล้ายรูปลิ่มแคบถึงรูปไข่กว้าง ใบหนาเหมือนแผ่นหนังได้แก่ สนฉัตร สนหนามจีน

สนหนามจีน สนคันนิ่งแฮม สนฉัตร


ARISTOLOCHIACEAE

ARISTOLOCHIACEAE

(ARIS)

เป็นไม้เลื้อยเนื้อแข็ง มีรสขม  มีน้ำยางใส มีการจัดเรียงใบแบบสลับมีเส้นใบออกจากจุดโคนใบ และออก จากสองข้างของเส้นกลางใบแบบขนนกโคนใบรูปหัวใจ ดอกมีลักษณะแปลกคือเป็นหลอดดอกที่โค้งงอกลีบรวมเชื่อมติดกัน ที่โคนเป็นกระเปาะ รูปร่างคล้ายไก่ฟ้า มีกลิ่นเหม็น สีสะดุดตา ผลมีรูปร่างคล้ายกระเช้า  เช่น ไก่ฟ้า กระเช้าสีดา กระเช้าถุงทอง กระเช้านกเล็ก นกขมิ้น

ในประเทศไทยมี 2 สกุล

สกุลไก่ฟ้า Aristolochia เป็นไม้เลื้อย ชนิดที่พบทั่วไป คือ กระเช้าผีมด, 

Aristolochia tagala . กระเช้าถุงทอง Aristolochia pothieri

สกุลหูหมี Thottea เป็นไม้ล้มลุก ชนิดที่พบทั่วไป คือ Thottea tomentosa

ไก่ฟ้า ไก้ฟ้ายักษ์ มหาวิหค ผลหรือฝัก

ไก่ฟ้า ไก่ฟ้า กระเช้าถุงแดง นกขมิ้น
ไก่ฟ้าพญาลอ หูหมี Thottea tomentosa หูหมี
Aristolochia arenicola แผ่นดินเย็น Aristolochia pothieri กระเช้าถุงทอง


ASCLEPIADACEAE(ไม้วงศ์ดอกรัก)

ASCLEPIADACEAE

(ASCL)

มีประมาณ170สกุล 2.000ชนิด เป็นไม้พุ่มหรือไม้เถาหรือไม้พุ่มอวบน้ำ ล้มลุก มีน้ำยางสีขาวข้น ดอกเป็นมันคล้ายขี้ผึ้งปกติมักมีใจกลางของดอกคล้ายมงกุฎ ได้แก่โฮย่า เดป เทียนแดง สร้อยใบโพธิ์ ดอกรัก จมูกปลาหลด

Asclepias curassavica เทียนแดง ,Dischidia major กระเช้าผีมด
Atherolepis pierrei อบเชยเถา
Colotropis gigantea รัก

Oxystelma esculentum จมูกปลาหลด หัวใจทศกัณฑ์

แก้วงามขำ สร้อยใบโพธิ์ สายป่านดวงใจ เทียนแดง
รักดอก เดปหูช้าง นมตำเลีย



ASPLENIACEAE(วงศ์เฟินข้าหลวง)

ASPLENIACEAE

(ASPL)

เป็น พืชวงศ์เฟินอิงอาศัย หรือขึ้นบนดิน ลำต้นเป็นเหง้าสั้น ตั้งตรงหรือเลื้อย ปกคลุมด้วยขนและเกล็ด เกล็ดประกอบด้วยเซลล์ผนังหนาเด่นชัด ใบดี่ยว หรือใบประกอบแบบขนนกหลายชั้น เส้นใบแตกเป็นง่ามปลายอิสระ หรือบางครั้งเชื่อมติดกันใกล้ขอบใบ กลุ่มอับสปอร์รูปแถบยาวต่อเนื่องตามแนวเส้นใบ มีเยื่อคลุมกลุ่มอับสปอร์ สปอร์มี2ซีกเหมือนกัน รูปร่างคล้ายเมล็ดถั่วมีปากเปิดด้านเดียว ได้แก่เฟินข้าหลวงAsplenium nidus, ข้าหลวงอ่างขางAsplenium antrophyoides, ข้าหลวงเลื้อยบาตู A.batuense,ข้าหลวงเลื้อยใบยาว Asplenium longissimum

เฟินข้าหลวง Asplenium nidus เฟินข้าหลวงอ่างขาง Asplenium antrophyoides A.batuense

AVERRHOACEAE(วงศ์มะเฟือง)

AVERRHOACEAE

(AVER)

ไม้ ต้นขนาดเล็กใบเรียงสลับใบเป็นใบประกอบแบบขนนกปลายคี่ชั้นเดียว ใบย่อยออกตรงข้าม หรือเรียงสลับ ดอกขนาดเล็กมีกลีบเลี้ยง5กลีบ มีเกสรเพศผู้ 10 อันเรียงเป็น2ชั้น ผลมีเนื้อหลายเมล็ด และมีขนาดใหญ่มี5พู เมล็ดไม่มีเยื่อหุ้มหรือมีเยื่อหุ้มเช่น มะเฟือง ตะลิงปลิง

มะเฟือง มะเฟือง ผลตะลิงปลิง ดอกตะลิงปลิง


BALANOPHORACEAE(วงศ์ขนุนดิน)

มีรายงานพบในประเทศไทย55สกุล เป็นพืชเบียนขึ้นบนรากไม้อาศัยแย่งอาหารจากพืชสกุลอื่น ลำต้นอยู่รวมกันเป็นก้อยขรุขระอยู่ใต้ดิน ดอกขนาดเล็ก ช่อแก่จะส่งก้านขึ้นเหนือผิวดิน เป็นกลุ่มหรือเป็นกระจุก มีกลิ่นหอมเอียน ดอกเพศผู้และดอกเพศเมียอยู่แยกต้นสีแดงอมน้ำตาลหรือขาวถึง เหลืองอ่อน ตัวอย่างพืชในวงศ์นี้

Aeginetia indica ดอกดินแดง

Balanophora latisepala ดอกดินขาว

Balaophora fungosa ขนุนดิน

ขนุนดิน ดอกดินขาว ดอกดินขาว
Balaophora fungosa ขนุนดิน ขนุนดิน ขนุนดิน
ดอกดินแดง Aeginetia indica ดอกดินแดง


BALSAMINACEAE (ไม้วงศ์เทียน)

BALSAMINACEAE (BALS)

มี 2 สกุล 600 ชนิด ไม้ล้มลุก อายุปีเดียว บางชนิดเป็นไม้น้ำ หรือไม้พุ่มกึ่งล้มลุก อวบน้ำใบเดี่ยวเรียงเวียนสลับ ข้อละ3ใบ ดอกสมบูรณ์เพศดอกเดี่ยวหรือออกเป็นช่อ กลีบเลี้ยง3-5กลีบ แยกหรือติดกัน เกสรเพศเมีย1อันเพศผู้5อัน ผลแห้งแตกแยกเป็น5แฉก ผลมีเนื้อหลายเมล็ด เมล็ดแข็ง ตัวอย่างไม้ในวงศ์นี้ ได้แก่ เทียนบ้าน เทียนฝรั่ง เทียนภู เทียนหิน เทียนดอย        

  เทียนน้ำ (Hydrocera triflora) 
  เทียนดอก (Impatiens balsamina)
  เทียนป่า (Impatiens calcicola)
  หญ้าเทียน (Impatiens chinensis)
  เทียนดง (Impatiens craddockii)
  เทียนน้อย (Impatiens muscicola)
  เทียนภู (Impatiens psedochinensia)
  เทียนหิน (Impatiens putii)
  เทียนดอย (Impatiens violaeflora)

เทียนธารา เทียนอินทนนท์ เทียนนกแก้ว

เทียนเข็ม เทียนนกแก้ว เทียนหางงอ
เทียนคำ เทียนหิน เทียนภูคา Impatiens claviger
เหยื่อเลียงผา เทียนฝรั่ง เทียนบ้าน

BASELLACEAE(วงศ์ผักปลัง)

BASELLACEAE

(BASEL)

มีประมาณ5สกุล 22ชนิด ไม้ เลื้อยพันลำต้นมักอวบน้ำ ใบเดี่ยวครงข้ามออกเวียนสลับ ดอกสมบูรณ์เพศมีใบประดับ2ใบคล้ายกลีบเลี้ยงสีสันคล้ายกลีบดอก กลีบเลี้ยงแยกหรือติดกัน5กลีบไม่มีกลีบดอก เกสรเพศผู้5อันเรียงตรงข้ามกับกลีบเลี้ยงและติดที่โคนกลีบเลี้ยง ผลไม่แตก มีวงกลีบเลี้ยงอวบน้ำ หรือใบประดับที่แผ่เป็นปีกหุ้ม เมล็ดเดียวมีเยื่อหุ้มเปลือกเมล็ดชั้นนอกบางได้แก่ ผักปลังขาว Basella alba, ผักปลังแดง Basella rubra


ผักปลัง ผักปลังยอดขาว ผักปลังยอดแดง

BARRINGTONIACEAE (วงศ์ไม้กระโดน)

BARRINGTONIACEAE

(BAR)

ไม้ ต้นและไม้พุ่มใบใหญ่ เรียงสลับ ดอกสมบูรณ์เพศ วงกลีบเลี้ยง4-5กลีบ ที่หยักเป็น2-3พูจะพบน้อยมาก กลีบดอกรูปอิสระมี4-5กลีบ หรือไม่มีเลย เกสรเพศผู้มีมากเรียงหลายชั้น ผลมีเมล็ดแข็งหรือมีลักษณะเป็นผลมีเนื้อ

ได้แก่ จิกบ้าน กระโดน 

จิกนา

จิกสวน

กระโดน

BEGONIACEAE

BEGONIACEAE

(BEGON)

มี5สกุล 920ชนิด ไม้ พุ่มหรือไม้เลื้อย เนื้ออ่อน อวบน้ำอายุหลายปี  ดอกแยกเพศอยู่ร่วมต้น เหง้าเลื้อยหนา หรือมีหัว ใบเดี่ยวเวียนสลับหรือเป็น2แถว ช่อดอกออกแบบช่อกระจุก ดอกแยกเพศ เพศผู้2-4กลีบมีเกสรจำนวนมาก ดอกเพศเมีย2-5กลีบ รังไข่ใต้วงกลีบมีกมีปีก ได้แก่ บีโกเนีย

ตัวอย่างชนิดพืช

Begonia coccinea ดาดตะกั่วดอก
Begonia inflata ส้มกุ้ง
Begonia obovoidea ก้ามกุ้ง
Begonia prolixa บอนส้ม
Begonia rex ดาดตะกั่วใบ
Begonia rubro-venia ส้มสันดาน

BERBERIDACEAE (วงศ์ขมิ้นต้น)

BERBERIDACEAE

เป็นวงศ์ขนาดเล็กทั่วโลกมีประมาณ680ชนิด ในเขตอบอุ่นเหนือ และ๓ูเขาบริเวณเส้นศูนย์สูตร พบในภาคเหนือของไทย1ชนิดคือ Mahonia nepalensis ขมิ้นต้น

ลักษณะเป็นไม้ไม่ผลัดใบ ลำต้นสั้นกิ่งก้านหนาใหญ่ เปลือกขั้นนอกสีน้ำตาล เปลือกชั้นในสีเหลืองสด ใบประกอบแบบขนนกปลายคี่ ใบย่อยคู่ล่างสุดมักจะกลมและขนาดเล็กกว่าใบย่อยคู่อื่นๆ ดอกเป็นช่อยาวไม่แตกแขนงสีเหลืองสด ผลสีน้ำเงินเหลือบเทาอ่อนยอดเกสรเพศเมียยังอยู่เป็นติ่งสั้นๆที่ปลายผล เนื้อผลฉ่ำน้ำสีแดงเข้มมีเมล็ด1เมล็ด


Mahonia nepalensis ขมิ้นต้น ขมิ้นต้น ขมิ้นต้น

BETULACEAE (วงศ์ไม้กำลังเสือโคร่ง)

มี 6 สกุล ประมาณ 110 ชนิด

เป็นไม้ยืนต้นหรือไม้พุ่ม บริเวณที่เกิดตาจะมีเกล็ดแข็งหุ้มไว้ ใบเดี่ยว ติดเรียงแบบสลับ มีเยื่อก้านใบ แผ่นใบบางขอบใบหยักคล้ายฟันเลื่อย เส้นใบตรงช่อดอก ห้อยหัวลง มีกาบรองช่อดอกหุ้มรองรับโคนก้านช่ออยู่หลายชั้น ช่อดอกตัวผู้มีดอกมากแต่ร่วงง่าย ผลขนาดเล็ก อาจมีครีบติด มีกาบรองคล้ายใบหุ้มผลไว้ มี 1 เมล็ด เพราะเมล็ดอื่นๆ ฝ่อหมด

กำลังเสือโคร่ง

กำลังเสือโคร่ง

ก่อสร้อย

ตัวอย่างชนิดพืช

Betula alnoides กำลังเสือโคร่ง
Carpinus viminea ก่อสร้อย

ก่อสร้อย

ก่อสร้อย

 

BIGNONIACEAE(วงศ์ปีป)

BIGNONIACEAE

(BIGNO)

พืช เขตร้อน มีทั้งไม้ต้น ไม้พุ่ม และไม้เถามีมือจับใบเดี่ยวหรือใบประกอบเรียงตรงข้าม กลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นหลอด ปลายแยกเป็น5กลีบ เกสรเพศผู้มักมี4อันเรียงกันเป็น2คู่ยาวไม่เท่ากันเมล็ดมักมีปีก ดอกใหญ่ร่วงง่ายส่วนใหญ่กระจายพันธุ์ในเขตร้อน มีบางชนิดเท่านั้นที่กระจายไปในเขตอบอุ่นโดยในประเทศไทย มี 14 สกุล เช่น


สกุลปีป (Millingtonia)

ใบประกอบแบบขนนกสองชั้น ได้แก่ ปีบ (Millingtonia hortensis L.f.)

ปีบ Millingtonia hortensis ปีบ Millingtonia hortensis  Millingtonia hortensis

สกุลเพกา (Oroxylum)

ไม้ต้น พบในป่าดิบชื้น ได้แก่ เพกา (Oroxylum indicum (L.) Kurz)

เพกา Oroxylum indicum เพกา

สกุลกาสะลองคำ (Radermachera)

ไม้ต้น พบในป่าดิบชื้น เช่นปีบทอง (Radermachera ignea)แคชาญชัย(Radermachera eberhardii)

ปีบทอง Radermachera ignea  Radermachera eberhardii

สกุลแคทราย (Stereospermum)

ไม้ต้น พบในป่าดิบชื้น ได้แก่ แคทราย (Stereospermum neuranthum Kurz)

แคทราย แคหันแห้ S. neuranthum Stereospermum neuranthum

สกุลแคสันติสุข (Santisukia)

ไม้ต้นขนาดเล็ก ใบเป็นใบประกอบแบบขนนกชั้นเดียว

เช่น แคสันติสุข (Santisukis kerrii (Barnett & Sandwith) Brummit)

แคสันติสุข Santisukis kerrii Santisukis kerrii

สกุลตาเบบูย่า (Tabebuia)

ไม้ต้นขนาดเล็กถึงขนาดกลาง เช่น

ชมพูพันธุ์ทิพย์ (Tabebuia rosea (Bertol.) DC.) และ เหลืองปรีดิยาธร (Tabebuia argentea Britt.)

เหลืองปริดิยาธรTabebuia argentea 

ชมพูพันธุ์ทิพย์

Tabebuia rosea

สกุลศรีตรัง (Jacaranda) ไม้ต้นผลัดใบขนาดกลาง เช่น ศรีตรัง (Jacaranda filicifolia (Anders) D.Don) และ ศรีตรังพระยารัษฎา (Jacaranda obtusifolia Humb. & Bonpl.)  ศรีตรัง

แคฝอย (แคฝอย) (Jacaranda minosifolia D.Don)

ศรีตรัง Jacaranda filicifolia ศรีตรัง
ตัวอย่างประเภทไม้เลื้อยในวงศ์นี้ BIGNONIACEAE

กระเทียมเถา พวงแสดเถา มธุรดา แฮปปิเนส
บานบุรีหอม ดาวประดับ ม่วงมณีรัตน์

BIXACEAE(วงศ์คำแสด)

BIXACEAE

(BIXA)

ไม้ พุ่มหรือไม้ต้นขนาดเล็กมีน้ำยางเป็นสี ใบเดี่ยวเรียงเวียนสลับ ดอกสมบูรณ์เพศ กลีบเลี้ยง5กลีบ กลีบดอก5กลีบ มีเกสรเพศผู้จำนวนมาก เนื้อผลสีแดง ผลแห้งแล้วแตกเป็นสองแฉกมีหนามทู่ปกคลุมจำนวนมาก หรือเรียบเกลี้ยง เปลือกหุ้มเมล็ดชั้นนอก เช่น คำแสด

ดอกคำแสด ผล ต้น

 BOMBACACEAE(วงศ์งิ้ว)

 BOMBACACEAE

(BOMB)

เป็น พืชพวกไม้ใหญ่ยืนต้น โคนต้นกว้าง อาจมีพูพอน มีการแตกกิ่ง สาขากว้างใหญ่ เปลือกในมียางเมือก บางครั้งลำต้นอ้วนพองเพื่อเป็นที่เก็บน้ำ ใบเดี่ยวหรือใบประกอบแบบนิ้วมือเรียงเวียนสลับ ดอกใหญ่ สมบูรณ์เพศ กลีบเลี้ยงจรดกันเมื่อยังตูม หายากที่จะลึกเป็น5กลีบ กลีบดอกใหญ่เรียงยาวบางครั้งก็ไม่มีกลีบดอก เกสรเพศผู้แยกกันหรือเชื่อมติดกันเป็นหลอด

ผลแห้งแตกกลางพู เมล็ดจะฝังตัวอยู่ระหว่างขนที่เกิดจากด้านในพูเมล็ด มีขนาดใหญ่ ผิวเรียบ ฝังตัวอยู่ในเนื้อเยื่อคล้ายไส้ผิวด้านนอกของเมล็ดมีปุยเยื่อเส้นใย หรือเนื้อเยื่อสะสมสาร ห่อหุ้มไว้ เมล็ดไม่มีอาหารสะสม ต้นอ่อนในเมล็ดโค้งและเป็นเมือก

พืชในวงศ์นี้ได้แก่เช่น งิ้ว งิ้วป่า ทุเรียน ทุเรียนผี นุ่น

  งิ้วป่า (Bombax anceps)
  งิ้ว (Bombax ceiba)
  นุ่น (Ceiba pentandra)
  ทุเรียน (Durio zibethinus)
  ทุเรียนผี (Neesia altissima)
  สำลี (Ochroma lagopus)

งิ้ว(Bombax ceiba) งิ้วป่า(Bombax anceps) นุ่น(Ceiba pentandra)

ทุเรียน (Durio zibethinus) ทุเรียนผี (Neesia altissima)


BORAGINACEAE(วงศ์หญ้างวงช้าง)

มีประมาณ 100 สกุล 2,000 ชนิดเป็นพืชล้มลุก มีขนคลุม อายุปีเดียวหรือข้ามปี มีเพียงบางชนิดที่เป็นไม้พุ่มหรือไม้ยืนต้น ใบเดี่ยว ขอบใบเรียบ เนื้อใบหยาบ มีขนแข็งคลุมติดเรียงแบบสลับช่อดอก จะม้วนโค้งขณะอายุยังน้อย ดอกสมบูรณ์เพศ มีขอบเยื่อวงแหวนรองรับรังไข่ กลีบเลี้ยง มี 5 กลีบ แยกกันหรือรวมกัน เป็นหลอดปลายแฉก กลีบดอก มี 5 กลีบติดกัน ปลายแผ่ราบ ปากหลอดกลีบดอกมักมีขนคลุมภายใน มักมีขนคลุมภายใน มีมีสีเท่าอมฟ้า หรือสีขาว ตัวอย่างชนิดพืช

Cordia dentata สุวรรณพฤกษ์

Cordia mhaya ปอหมัน

cordia cochinchinensis หมัน

Cordia subcordata หมันทะเล

Ehretia microphylla ชาดัดใบมัน, ชาฮกเกี้ยน

Ehretia winitii จั่นน้ำ

Heliotropium indicum หญ้างวงช้าง

Rotula aquatica ไคร้หางนาค

Tournefortia intonsa หญ้างวงช้างหลวง

Trichodesma indicum ผักแผ่

Heliotropium indicum หญ้างวงช้าง จั่นน้ำ  สุวรรณพฤกษ์
หมัน ต้นหมัน หมันทะเล หมันทะเล


BRETSCHNEIDERACEAE(วงศ์ชมพูภูคา)

มีเหลือเพียงชนิดเดียวในโลก พบเฉพาะในจีนตอนใต้ เวียตนาม และตอนเหนือของประเทศไทย พบเฉพาะที่ดอยภูคา จังหวัดน่าน

เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ ใบประกอบแบบขนนกดอกสีชมพูสดใส ช่อไม่แตกแขนงออกที่ปลายกิ่ง ผลแตกออกเป็น3เสี้ยวแต่ละเสี้ยวมี1-2เมล็ดได้แก่ ชมพูภูคา Bretschneidera sinensis

ชมพูภูคา Bretschneidera sinensis ชมพูภูคา


BROMELIACEAE (วงศ์สับปะรด)

      BROMELIACEAE

(BROM)

ไม้ ล้มลุกในประเทศเขตร้อนของอเมริกา ทั้งหมดเป็นพืชอิงอาศัย ใบอวบน้ำหรือใบแข็งมีร่อง มักเก็บน้ำไว้ที่โคนกาบ ลำต้น ใบ ช่อดอก ใบประดับ มีสีสันสะดุดคา ได้แก่พืชกลุ่มสับปะรดสี

 สับปะรด (Ananas sativus)
 สับปะรดเทศ (สับปะรดสี Ananas comosus)
 สับปะรดดอก (Billbergia x windii)
 มอส สเปน(Tillandsia usneoides)

Ananas comosus Ananas comosus Neoregelia
สับปะรดแคระ Tillandsia ionantha


CACTACEAE(วงศ์กระบองเพชร)

CACTACEAE (CACT)

มีประมาณ 140 สกุล ประมาณ 1,700 ชนิด

เป็นไม้ อวบน้ำทนแล้งที่เกือบทั้งหมดเป็นพืชอเมริกา ถิ่นกำเนิดในอเมริกาเขตร้อน ที่ปรับเปลี่ยนลำต้นให้อวบน้ำ และเปลี่ยนใบเป็นหนาม สามารถเจริญเติบโตได้ในแบบไม้ต้น ไม้เลื้อย หรือพืชอิงอาศัย ทนต่อสภาพแห้งแล้งได้ดี

ลำต้นเป็นท่อนกลม เหลี่ยม พู มีเนื้อมาก ผิวลำต้นเป็นสีเขียว และมักคอดกิ่วเป็นระยะๆ  ใบลดรุปลงเป็นหนามลักษณะต่างๆ หรือเป็นขน มีปุ่มแท่นรองรับหนามหรือขนนั้นดอกเด่นสะดุดตา มีกลีบจำนวนมาก เกสรเพศผู้จำนวนมาก รังไข่อยู่ใต้วงกลีบ เช่นพวก แคคตัส กระบองเพชร กุหลาบเทียม (กุหลาบพุกาม,กุหลาบเมาะลำเลิง) เพชรสังฆาต โบตั๋น

สลัดได แคคตัส แคคตัส โบตั๋น
กุหลาบพุกาม กุหลาบพุกาม กุหลาบเมาะลำเลิง


CAESALPINIACEAE (วงศ์ไม้ราชพฤกษ์)

CAESALPINIACEAE

(CAESAL)

มีประมาณ 152 สกุล ประมาณ 2,800 มีทั้งไม้ต้น ไม้พุ่ม ไม้เลื้อย มีน้อยชนิดที่จะเป็นไม้ล้มลุก ใบประกอบแบบขนนกชั้นเดียว หรือขนนก2ชั้น มีหูใบ ช่อดอกออกแบบช่อแขนงหรือช่อกระจะ ดอกปกติจะสมมาตรด้านข้าง บางครั้งมีดอกแยกเพศอยู่ต่างต้น บานรองดอกมีหลายแบบ กลีบเลี้ยง5กลีบ ดอกตั้งขึ้นและกลีบบนเรียงอยู่รอบในสุด กลีบดอก5กลีบถึงไม่มีเลย แยกจากกัน เกสรเพศผู้10-1อัน รังไข่มี1ช่อง ผลเป็นฝัก แตกหรือไม่แตก เมล็ดยาว หรือ กลม แบน เช่น กาหลง ขี้เหล็ก ทรงบาดาล

Afzetia xylocarpa มะค่าโมง
Amherstia nobilis อโศกระย้า
Bauhinia acuminate กาหลง
Bauhinia glauca เสี้ยวเครือ
Bauhinia monandra โยทะกา
Bauhinia racemosa ชงโค
Bauhinia scandens กระไดลิง
Bauhinia winitii อรพิม
Brownea ariza โสกพวง
Brownea grandiceps โสกสปัน
Caesalpinia coriaria ตันหยง

Caesalpinia pulcherrima หางนกยูงไทย
Cassia alata ชุมเห็ดเทศ
Cassia angustifolia มะขามแขก
Cassia bakeriana กัลปพฤกษ์
Cassia fistula ราชพฤกษ์,คูน
Cassia floribunda ขี้เหล็กอเมริกา
Cassia fruticosa ขี้เหล็กชะวา
Cassia garretiana แสมสาร

Cassia javanica กาฬพฤกษ์
Cassia occidentalis ชุมเห็ดเล็ก
Cassia siamea ขี้เหล็ก
Cassia surattensis ทรงบาดาล
Cassia tora ชุมเห็ดไทย
Delonix regia หางนกยูงฝรั่ง
Dialium cochinchinense หยี
Parkinsonia aculeata รัตมา
Peltophorum dasyrachis อะราง นนทรี
Peltophorum pterocarpus นนทรี
Saraca indica โสก
Saraca pierreana โสกน้ำ

Saraca thaipingensis อโศกใหญ่
Sindora siamensis มะค่าแต้
Tamaridus indica มะขาม

อโสกน้ำ ศรียะลา อโสกพวง ตันหยง ตันหยง

ปอเกี๋ยน แสมสาร อรพิม ชงโค

หางนกยูง กัลปพฤกษ์ กาฬพฤกษ์

ชุมเห็ดไทย นนทรี ชงโคแดง

ชุมเห็ดเทศ อะราง ขี้เหล็กบ้าน

ราชพฤกษ์ กาหลง ทรงบาดาล
มะค่าโมง มะค่าโมง มะค่าแต้ มะค่าแต้


CAMPANULACEAE

CAMPANULACEAE

(CAMP)

พืชล้มลุกเขตร้อน และเขตอบอุ่น มีน้ำยางขาว ใบเดี่ยวเรียงสลับ ดอกเป็นรูปถ้วย มักมีสี ม่วงหรือขาว เช่น ปีบฝรั่ง พระจันทร์ครึ่งซีก หางไก่ฟ้า Lobelia nicotianaefolia


พระจันทร์ครึ่งซีก ปีบฝรั่ง หางไก่ฟ้า

CANNACEAE (วงศ์พุทธรักษา)

CANNACEAE

(CANNA)

มีประมาณ 1สกุล 60 ชนิด

เป็นไม้ ล้มลุกเขตร้อนโตจากเหง้า ใบคล้ายใบกล้วย มักมีดอกสีสะดุดตา มีกลีบเลี้ยง3กลีบ กลีบดอก3กลีบ กลีบดอกมีลักษณะคล้ายกลีบเลี้ยง ส่วนที่มีสีสันสวยงามคล้ายกลีบดอกคือเกสรเพศผู้ที่ไม่สมบูรณ์ เกสรเพศผู้ที่สมบูรณ์มีเพียง1 รังไข่ใต้วงกลีบ เช่น พุทธรักษา

Canna coccinea พุทธรักษา
Canna flaccina พุทธรักษา
Canna glauca พุทธรักษา
Canna indica พุทธรักษา
Canna orientalis พุทธรักษา

พุทธรักษา

CAPPARIDACEAE (วงศ์กุ่ม)

มีประมาณ46สกุล 900ชนิด ส่วน ใหญ่เป็นไม้ต้น ไม้พุ่ม หายากที่จะเป็นไม้ล้มลุก ใบเดี่ยว เรียงสลับหรือใบประกอบรูปนิ้วมือ หายากที่จะออกตรงข้าม ดอกสมบูรณ์เพศ กลีบเลี้ยงแยกกันหรือติดกันบางส่วน มี4กลีบ กลีบดอกมี4กลีบ จำนวนมากหรือไม่มีเลย ฐานดอกมักยืดยาวเป็นก้านชูเกสรเพศเมีย ผลมีเนื้อเมล็ดมากหรือเป็นฝักแบบผลผักกาด หายากที่ผลเป็นเมล็ดแข็ง เช่นผักเสี้ยน กุ่มน้ำ กุ่มบก ไข่แลน ชิงชี่ Capparis micracantha

Capparis siamensis หนามขี้แฮด

Maerua siamensisแจง

Cappris monantha ชิงชี่
Capparis tenera หนามเล็บแมว
Cleome chelidonii ผักเสี้ยนป่า
Cleome gynandra ผักเสี้ยน
Cleome viscosa ผักเสี้ยนผี
Crateva adansonii กุ่มน้ำ
Crateva religiosa กุ่มบก
Stixis obtusifolia ไข่แลน
Stixis sauveolens ขางน้ำข้าว

กุ่มบก กุ่มบก กุ่มน้ำ
ผักเสี้ยน ผักเสี้ยนผี ผักเสี้ยนฝรั่ง
ชิงชี่ Cappris monantha แจง Maerua siamensis แจง
Capparis tenera หนามเล็บแมว Capparis tenera หนามเล็บแมว

CAPRIFOLIACEAE(วงศ์สายน้ำผึ้ง)

CAPRIFOLIACEAE

(CAPR)

ไม้ เขตอบอุ่นของซีกโลกเหนือ มีทั้งไม้พุ่ม ไม้เลื้อย มี2-3ชนิดที่มาจากภูเขาทางเขตร้อน ใบเดี่ยวเรียงตรงข้ามใบรูปไข่

มีทั้งไม้ประดับที่มีดอก หรือผลสวยงาม ดอกมักมีกลิ่นหอม เช่นสายน้ำผึ้ง สายน้ำผึ้งหลวง สะพานก๊น อูนป่า ขาวละมุน

สายน้ำผึ้ง

ขาวละมุน

สะพานก๊น

อูนป่า

CARICACEAE (วงศ์มะละกอ)

CARICACEAE

(CARI)

มีประมาณ 4สกุล 55ชนิด ไม้ ต้นขนาดเล็กดอกแยกเพศอยู่ต่างต้น หายากที่ดอกต่างเพศอยู่ร่วมต้น ใบเดี่ยวเรียงสลับขนาดใหญ่มักมีเส้นใบหยักเป็นรูปนิ้วมือ กลีบเลี้ยงดอกติดกันมี5กลีบ ดอกเพศเมียเป็นหลอดสั้นมาก เกสรเพศผู้10อัน ผลมีเนื้อเมล็ดมาก มีขนาดใหญ่ 5พูเมล็ดมีเยื่อหุ้มเมล็ดหรือไม่มี เช่น มะละกอ


CARYOPHYLLACEAE (วงศ์คาร์เนชั่น)

CARYOPHYLLACEAE

(CARYO)

พืชล้มลุกที่มักปลูกเป็นไม้ตัดดอก ส่วนใหญ่อยู่ในเขตอบอุ่นถึงอากาศเย็น ลำต้นมักพองตรงข้อต่อ ใบเรียงแบบตรงข้ามมีเส้นใบขนานกันตามความยาวของใบ ดอกมักเด่นสะดุดตา กลีบดอกแคบหยักเช่น ผีเสื้อ คาร์เนชั่น

ผีเสื้อ

CASAURINACEAE

CASAURINACEAE

(CASUA)

ไม้ ต้นหรือไม้พุ่มไม่ผลัดใบ ดอกต่างเพศร่วมต้นหรือดอกต่างเพศแยกต้น กิ่งก้านลู่ลง ใบมีลักษณะคล้ายเกล็ดเรียงกันเป็นวงรอลข้อ เชื่อมติดกันมากหรือน้อยแล้วแต่ ดอกแยกเพสไม่มีกลีบเลี้ยงหรือกลีบดอก ช่อดอกเพศผู้คล้ายช่อเชิงลด ดอกเพศเมียอยู่เป็นกลุ่มคล้ายช่อกรวย ใบประดับติดกัน

เมื่อผลแก่ใบประดับเปิดออก ผลมีปีกเดียว ได้แก่สนทะเล สนปฏิพัทธ์ สนน้ำค้าง

สนทะเล สนปฏิพัทธ์ สนน้ำค้าง

CELASTRACEAE (วงศ์มะดูก)

CELASTRACEAE

(CELAST)

มีประมาณ   90  สกุล  1,000  ชนิด กระจายพันธุ์ในประเทศไทย  12  สกุล  60  ชนิด เป็นไม้ต้นหรือไม้พุ่ม ใบเดี่ยวเรียงสลับตรงข้าม ดอกเล็กขนาดเท่ากัน ดอกเป็นช่อกระจุกสมบูรณ์เพศ กลีบเลี้ยงอิสระหรือติดกัน กลีบเลี้ยงหรือกลีบดอก3-5 ซ้อนเหลื่อม มีจานฐานดอก เกสรเพศผู้3-5 รังไข่เหนือส่วนต่างๆของดอกมี5พูผลแตกกลางพู เป็นผลแห้ง ผลปีกเดียวเมล็ดเดียวแข็ง หรือผลมีเนื้อหลายเมล็ดและผลแห้งไม่แตก เมล็ดมักมีเยื่อหุ้มสีสด ตัวอย่างพืชในวงศ์นี้ได้แก่  

มะดูก Siphonodon celastrineus

ดู่ด้วง Glyptopetalum sclerocarpum

เสม็ดทุ่ง (เนื้อเหนียว)Lophopetalum wallichii

กำแพงเจ็ดชั้น Salacia chinensis

กระทุงลาย (มะแตกเครือ) Celastrus paniculatus

ตากวาง Salacia verrucosa

มหากาหนัง Euonymus similis                         

มะดูก ดู่ด้วง เนื้อเหนียว ตากวาง
กระทงลาย มะแตกเครือ มหากาหนัง ดอกมหากาหนัง

กำแพงเจ็ดชั้น ดอก ผล

COCHLOSPERMACEAE(วงศ์สุพรรณิการ์)

COCHLOSPERMACEAE

(COCHL)

ไม้ ต้น ไม้พุ่ม หรือไม้กึ่งพุ่มที่มีเหง้า น้ำยางมีสี ใบเดี่ยวเรียงสลับ ดอกสมบูรณ์เพศ กลีบเลี้ยง 5กลีบ กลีบดอก5กลีบ เกสรเพศผู้จำนวนมาก ผลแห้งแตกเป็น5แฉก เมล็ดใหญ่เกลี้ยง หรือมีขนปกคลุม เช่น สุพรรณิการ์

สุพรรณิการ์ดอกลา สุพรรณิการ์ดอกซ้อน สุพรรณิการ์ดอกซ้อน

COMBRETACEAE (วงศ์สมอ)

COMBRETACEAE

(COMB)

ไม้เขตร้อนทั่วโลกมีประมาณ17สกุล 525ชนิดในเมืองไทยมี5สกุล มีทั้งไม้เถาเลื้อย ไม้พุ่มและไม้ต้นที่มีใบเดี่ยว ติดเวียนสลับ มีจุดโปร่งใสเล็กๆ มีต่อมที่โคนใบ หรือก้านใบ กลีบเลี้ยงเรียงชนกัน กลีบดอกแยกจากกัน มีจานฐานดอก ดอกเล็ก ออกเป็นกลุ่ม ผลมีปีก หีือมีเนื้อ เมล็ดเดียวแข็ง ได้แก่ หูกวาง เล็บมือนาง ติ่งตั่ง อวดเชือก เปื๋อย  สะแกนา คดสัง ฝาดขาว ฝาดแดง

ตัวอย่างพืชในวงศ์นี้

Anogeissus acuminata ตะเคียนหนู
Calycopteris floribunda ติ่งตั่ง,เถาวัลย์นวล
Combretum punctatum สะแกวัลย์
Combretum quadrangulare สะแกนา
Lumnitzera littoria ฝาดแดง
Lumnitzera recemosa ฝาดขาว
Quisqualis indica เล็บมือนาง
Quisqualis prostrata สะแกดิน
Terminalia alata รกฟ้า
Terminalia bellerica สมอพิเภก
Terminalia catappa หูกวาง
Terminalia chebula สมอไทย
Terminalia citrina สมอดีงู
Terminalia corticosa ตะแบกเลือด

เล็บมือนาง Quisqualis indica
ตะแบกเลือด Terminalia corticosa ติ่งตั่ง Calycopteris floribunda สะแกนา

ฝาดแดง Lumnitzera littoria ฝาดขาว Lumnitzera recemosa
หูกวาง Terminalia catappa
งวงชุ่ม
สมอไทย ตะเคียนหนู ต้นรกฟ้า รกฟ้า พู่อมร Combretum fruiticosum
กระดุมไม้ใบเงิน คดสัง เถาวัลย์แดง เถาวัลย์เปรียง

COMMELINACEAE

COMMELINACEAE

(COMM)

มี 37 สกุล 600 ชนิด  เป็นพืชอวบน้ำ ล้มลุก มีอายุปีเดียวหรือหลายปี พบได้ทั่วไปในเขตร้อนและเขตอบอุ่น  ลำต้นมีข้อพองโป่ง ทอดตัวไปตามพื้นโดยอาจมีรากแตกออกที่ข้อ ต้นมีขนคลุม ใบเดี่ยว ติดเรียงแบบสลับ ก้านใบแผ่ออกเป็นกาบโอบลำต้นรอบข้อ รูปใบแบบใบหอก ช่อดอก
ออกที่ซอกใบ บางชนิดอาจมีใบกาบรองรับช่อดอก ดอกสมบูรณ์เพศ กลีบเลี้ยงมี 3 กลีบ มีสีเขียว หรือสีอื่น กลีบแยกกัน กลีบดอก มี 3 กลีบ แยกกัน สีชมพู ม่วง ฟ้าหรือน้ำเงิน กลีบดอกอ่อนบาง บานตอนเช้า พอแดดจัดจะหุบ เกสร ตัวผู้ มี 6 อัน อาจแบ่งเป็น 2 วง บางชนิดมีเกสรที่สมบูรณ์อยู่เพียง 2-3 อัน อับเกสรสีเหลืองสดเห็นได้ชัด ตามก้านเกสรมีขนอ่อนสีม่วงขึ้นคลุม  ตัวอย่างชนิดพืชในวงศ์นี้ได้แก่

ผักปราบ Commelina benghalensis
ผักปราบCommelina nudiflora
ผักปราบนา Cyanotis axillaris
ขิงม่วง Dichorisandra thyrsiflora
ผักปราบช้าง Floscopa scandens
ว่านกาบหอย Rhoeo discolor
หัวใจม่วงSetcreasea purpurea
ผักปราบเครือStreptolirion volubile 
กาบหอยแครง Tradescantia verginiana
ก้ามปูหลุดZabrina pendula ,หญ้าหงอนเงือก Murdannia gigantea

กาบหอยแครง กาบหอยแครงยักษ์ ก้ามปูหลุด
หัวใจม่วง ผักปลาบช้าง ผักปลาบนา ผักปลาบดอย
ขิงม่วง น้ำค้างกลางเที่ยง หงอนเงือก น้ำค้างกลางเที่ยง หงอนเงือก


COMPOSITAE(วงศ์ทานตะวัน)

COMPOSITAE

(COMP)

วงศ์ Asteraceae (ไม้วงศ์ดาวเรือง)(เดิมใช้ชื่อวงศ์ Compositae)

ประมาณ 1,000 สกุล 20,000 ชนิดเป็นไม้ล้มลุกเกือบทั้งหมด มีไม้พุ่มและไม้ยืนต้นเพียงบางชนิด บางชนิดมีน้ำยางขาวแต่ไม่ข้น ส่วนของพืชเหนือระดับดินมักมีขนอ่อนคลุม ใบเดี่ยวหรือใบประกอบ ติดเรียงแบบสลับหรือตรงกันข้าม หรือเป็นวงรอบข้อ ขอบใบเป็นจักหรือเป็นหยักเว้า ช่อดอก มักมีกลีบประดับ จำนวนมากซ้อนรองรับอยู่ใต้ฐานรองดอก ซึ่งอาจมีสภาพคงทนฐานรองดอกมักขยายและแบบนูนหรือเว้า บางชนิดเป็นรูปกรวยหรือเป็นแท่ง กลีบประดับอาจแยกกันหรือเชื่อมติดกัน ดอกย่อยมีเพศครบหรือมีเพศเดียวอยู่บนช่อดอกเดียวกัน กลีบเลี้ยง มักแปรสภาพไปเป็นเส้นขนนุ่มละเอียด ปรกติมี 5 อัน โคนติดกันหรือแยกกัน กลีบดอก มี 5 กลีบ เชื่อมติดกันเป็นหลอดตอนโคน ปลายแผ่ออกเป็นแผ่น  ผล มีลักษณะแบบนูน รูปหยดน้ำ ที่โคนผลอาจมีปุยขนติดอยู่เมล็ด มีขนาดใหญ่ ไม่มีอาหารสะสม แต่ใบเลี้ยงสะสมสารประเภทน้ำมัน ตัวอย่างชนิดพืชในวงศ์นี้

Anisopappus chinensis ดาวเรืองภู ดาวเรืองป่า
Blumea aurita สาบแร้งสาบกา
Blumea balsamifera หนาด
Blumeopsis falcata ผักกาดโคก
Carthamus tinctorius คำฝอย
Centipeda minima กระต่ายจันทร์
Cosmos sulphureus ดาวกระจาย
Crossostephium chinense แอหนัง
Chrysanthemum morifolium เบญจมาศ
Dahlia pinnata รักเร่
Eclipta prostrata กะเม็ง
Elephantopus scaber โด่ไม่รู้ล้ม
Eupatorium adenophorum สาบหมา
Eupatorium odoratum สาบเสือ
Gaillardia pulchella var. picta เดือนฉาย
Gerbera jamsonii เยอบีรา
Helianthus angustifolius ฉัตรทอง
Helianthus annuus ทานตะวัน
Helichrysum bracteatum ดอกกระดาษ
Melampodium paludosum กระดุมทอง
Pluchea indica ขลู่
Rudbeckia laciniata แสงอรุณ
Spilanthes acmella ผักคราด
Stevia rebaudiana หญ้าหวาน
Tagetes erecta ดาวเรืองใหญ่
Tagetes patula ดาวเรืองน้อย
Tithonia diversiforlia ทานตะวันหนู
Vernonia cinerea หญ้าละออง
Wedelia biflora ผักคราดทะเล
Wedelia chinensis กะเม็งตัวผู้
Wedelia trilobata กระดุมทองเลื้อย
Wedelia urticifolia เบญจมาศเครือ
Wedelia urticifolia var. scaberrium เบญจมาศ
Zinnia elegans บานชื่น
Zinnia linearis กระดุมแสด

เบญจมาศ บัวตอง เยอบีร่า
บานชื่นหนู บานชื่น ว่านมหากาฬ
สาบหมา หญ้าดอกอ่อน ดาวกระจาย
แอหนัง สุวรรณภา สาบเสือ ดาวเรือง
ทานตะวัน ทานตะวัน บั้งม่วงเชียงดาว ม่วงเชียงดาว


CONNARACEAE(วงศ์ถอบแถบ)

CONNARACEAE

(CONN)

เป็นไม้ ต้นหรือไม้พุ่มหรือไม้เลื้อย ใบเป็นใบประกอบแบบขนนกปลายตี่ มีจำนวนน้อยที่มีใบย่อยเพียง1ใบ ดอกออกเป็นกระจุกแน่นตามซอกใบ หรือเป็นช่อแยกแขนงออกที่ปลายยอด ดอกสมบูรณ์เพศ มีน้อยมากที่จะมีเพศเดียว กลีบเลี้ยงแยกจากกันมี5กลีบ กลีบดอก5กลีบแยกจากกัน เกสรเพศผู้แยกอิสระ หรือติดกันที่โคน  อาจมีเป็นหมัน รังไข่เหนือวงกลีบ ผลแตกมีเมล็ด1เมล็ดมีเยื่อหุ้ม เช่น จันนกกด Ellipanthus tomentosus  ถอบแถบเครือConnarus semidecandrus

จันนกกด จันนกกด จันนกกด
จันนกกด ถอบแถบเครือ ถอบแถบเครือ


CORNACEAE(วงศ์คางคาก)

ทั่วโลกมีประมาณ120ชนิด ส่วนใหญ่อยู่ในเขตอบอุ่นเหนือ เป็นไม้ต้นผลัดใบระยะสั้น กิ่งก้านลู่ลงใบอ่อนสีเขียวอ่อนมีขนสีเงินคล้ายไหมปกคลุมหนาแน่น ใบแก่ด้านล่างมีนวลสีเขียวเทา ดอกเล้กสีเขียวเหลืองดอกสมบูรณ์เพศและดอกตัวผู้แยกต้นผลสีเขียวอ่อนเมื่อสุกสีน้ำตาลอมเหลืองถึงแดงเข้มบางครั้งมีการเชื่อมผลหลายผลที่ฐานเปลือกเหนียวภายในมีเนื้อและเมล็ดที่แบนขนาดใหญ่1เมล็ด เมล็ดมีร่องด้านหนึ่ง อีกด้านหนึ่งเป็นปุ่มขึ้นมา ตัวอย่างพืชวงศ์นี้

Cornus alba   Red-barked Dogwood Cornus  nuttallii    Pacific Dogwood
คางคาก Nyssa javanica คางคาก Nyssa javanica คางคาก Nyssa javanica

CONVOLVULACEAE(วงศ์ผักบุ้ง)

มี 57 สกุล ประมาณ 1,700 ชนิด

เป็นไม้เลื้อยล้มลุก โดยมักพันเลื้อยแบบเวียนซ้าย มักมีน้ำยางขาวในส่วนของพืช บางชนิดเป็นพืชน้ำ บางชนิดเป็นพืชเบียน ใบเดี่ยว บางชนิดใบลดรูปลงเป็นเส้น หรือเป็นใบประกอบ ติดเรียงแบบสลับ ดอกออกเดี่ยวๆ หรือเป็นช่อ ดอกมีเพศครบ รูปทรงดอกมีสัดส่วนสมดุลย์ กลีบ รอง มี 5 กลีบ มักแยกกันหรืออาจติดกันบางส่วนตอนโคนเรียงตัวแบบ quincuncial คือกลีบชั้นในสองกลีบจะถูกกลีบชั้นนอกสองกลีบคลุมไว้มิดชิด ส่วนกลีบที่เหลืออีกกลีบหนึ่งจะวางตัวเหลื่อมสลับระหว่างกลีบชั้นนอกและชั้น ใน กลีบเหล่านี้มีสภาพคงทน
กลีบดอก มี 5 กลีบ เชื่อมติดกันตลอด เป็นรูปปากแตรหรือลำโพงชายกลีบตรงมุมบรรจบมักเว้าหยักหรือเป็นมุม มีรอบบรรจบของกลีบเห็นชัดเจน กลีบบางพริ้ว ช้ำง่าย ขณะดอกตูมกลีบดอกจะพับซ้อนและบิดเป็นเกลียว  ตัวอย่างพืชในวงศ์นี้

Argyreia nervosa ใบระบาด
Blinkworthia lycioides ซุ้มกระต่าย
Convolvulus arvensis ผักบุ้งร้วม
Convolvulus zimmermanii แส
Cuscuta chinensis ฝอยทอง
Cuscuta reflexa เครือเขาดำ
Hewittia sublobata จิงจ้อเล็ก
Ipomoea alba บานดึก
Ipomoea angulata จิงจ้อแดง
Ipomoea aquatica ผักบุ้ง
Ipomoea asarifolia ผักบุ้งขัน
Ipomoea batatas มันเทศ
Ipomoea digitata ผักบุ้งรั้ว
Ipomoea purpurea ดอกผักบุ้ง
Ipomoea stolonifera ผักบุ้งทะเล
Jacquemontia pentantha แสเถา
Merremia umbellata จิงจ้อขาว
Merremia vitifolia จิงจ้อเหลือง
Porana volubilis ลดาวัลย์

มอร์นิ่งกลอรี่ ใบระบาด ผักบุ้งรั้ว ผักบุ้งดอก ผักบุ้งต้น
เถาสะอึก
พวงแส เครือเขาคำ บานดึก จิงจ้อเหลือง
Morning Glory
เครือเขาหลง จิงจ้อ Argyreia mollis เครือพูเงิน

CRASSULACEAE

CRASSULACEAE

(CRASS)

ไม้ ล้มลุกอวบน้ำ เป็นพืชล้มลุกเขตอบอุ่นและเขตร้อน มีใบและลำต้นอวบน้ำ ใบกระจุกแบบกุหลาบซ้อน เช่น กุหลาบหิน กุหลาบพวงคราม โคมญี่ปุ่น

กุหลาบหิน


CRUCIFERAE

CRUCIFERAE

(CRUCI)

เป็น ไม้ล้มลุกอยู่ในเขตอบอุ่น เป็นพวกวงศ์มัสตาร์ด ดอกมี4กลีบเรียงตรงกันข้าม เกสรเพศผู้มี6สั้น2ยาว4 ฝักแก่แล้วแตกได้ เช่น ผักกวางตุ้ง คะน้า ปูเล่

กะหล่ำประดับ

CUPRESSACEAE

CUPRESSACEAE

(CUP)

สนในวงศ์นี้เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Cypress Family ประกอบด้วย 17สกุล 113ชนิดถิ่นกำเนิดในเขตอบอุ่นทั่วโลก มีหลายสกุลที่นิยมปลูกเป็นไม้ประดับในเมืองไทย เช่น สกุล Chamaecyparis, Cupressus,Juniperus และ Thuja

ลักษณะเป็นไม้ ต้นหรือไม้พุ่มไม่ผลัดใบ มีน้ำยางทุกส่วน โคน(Cone)ต่างเพศอยู่ร่วมต้น หรือต่างเพศอยู่ต่างต้น  โคนออกที่ปลายกิ่งเป็นกระจุกและมีเนื้อไม้ ใบออกตรงข้ามแต่ละคู่ตั้งฉากกัน หรือเป็นวงรอบข้อคล้ายเกล็ด สปอร์โรฟิลล์แข็งคล้ายเปลือกไม้ หรือหนาเหมือนแผ่นหนัง หรือมีลักษณะคล้ายผลมีเนื้อเมล็ดมาก ขยายพันธุ์ด้วยการปักชำกิ่ง โน้มกิ่ง หรือเพาะเมล็ด ได้แก่ สนบลู สนเลื้อย สนแผง

สนบลู C. psifera cv. Squarosa

สนดินสอ

สนบอมบ์

สนแผง

CURCUBITACEAE(ไม้วงศ์แตง)

CURCUBITACEAE

(CURCU)

มีประมาณ 110 สกุล ประมาณ 850 ชนิดพันธุ์ เป็นไม้เลื้อยล้มลุกทั้งหมด ไม่มีเนื้อไม้ มีอายุปีเดียวหรือข้ามปี ไม่มีไม้พุ่มหรือไม้ยืนต้น ต้นพืชมีมือพัน หรืออาจเกิดที่ซอกกิ่งก็ได้มือเกาะอาจแตกแขนงออกไปอีกได้ ต้นส่วนที่ยังอ่อนจะมีภาคตัดขวางเป็นห้าเหลี่ยม และมีขนนุ่มหรือขนหยาบคลุม ใบเดี่ยว รูปห้าเหลี่ยมหรือหยักเว้า ผิวใบทั้งสองด้านมักมีขนนุ่มหรือแข็งคลุม  ดอกมีขนาดใหญ่เห็นชัดเจน มักมีสีขาวหรือเหลืองสด มีเพศเดียวหรืออาจสมบูรณ์เพศ รูปทรงดอก เป็นรูประฆัง กลีบรอง มี 5 กลีบ ติดกันตอนโคนปลายกลีบแยกเป็นแฉกริ้ว กลีบดอก มี 5 กลีบ ติดกันเป็นหลอดปากผายคล้ายรูประฆัง ติดอยู่บนหลอดของกลีบรอง เนื้อกลีบไม่เรียบ ผล มีเนิ้อผิวของผลอาจเรียบ มีลวดลายบนผิวหรือเป็นร่องแนวสันหรือขรุขระ มักมีคราบขาวคลุม เมล็ด มีรูปร่างแบนนูน รูปหยดน้ำ เปลือกหุ้มเมล็ดแข็งและขรุขระ เมื่อผลแก่เนื้อภายในจะแห้งและเป็นใยเยื่อรองรับเมล็ดไว้ ตัวอย่างชนิดพืชในวงศ์นี้ได้แก่

ฟัก Benincasa hispida
แตงโม Citrullus lanatus
ผักตำลึงCoccinia grandis 
ฟักทอง Cuccurbita moschata
ขี้กาลายDiplocyclos palmatus
ขี้กาดง,กะดอม Gymnopetalum cochinchinensis
ขี้กาแดง Gymnopetalum integrifolium
มะกิ้ง Hodgsonia macrocarpa var.capniocarpa
น้ำเต้า Lagenaria siceraria
บวบเหลี่ยม Luffa acutangula
บวบหอม Luffa cylindrica
มะระ Momordica charantia
ฟักขาวMomordica cochinchinensis 
แตงหนูMukia maderaspatana 
ตำลึงตัวผู้ Neoalsomitra sarcophylla

มะกิ้ง มะระขี้นก ตำลึง
น้ำเต้า ขี้กา บวบ

CYCADACEAE(วงศ์ปรง)

CYCADACEAE

(CYCAD)

พืช กลุ่มปรงที่มีลักษณะคล้ายต้นปาล์ม เจริญเติบโตช้า ใบแบบขนนกเป็นก้านยาวเรียงเป็นชั้นวงกลมข้อถี่ ได้แก่ ปรงทะเล ปรงญี่ปุ่น ปรงภูเขา

ปรงญ๊่ปุุ่น ปรงเขา ปรงทะเล
CYPERACEAE(วงศ์กก)

CYPERACEAE

(CYPER)

ไม้ ล้มลุกที่มักจะงอกในที่ชื้นแฉะที่ลุ่ม ใบเรียงเป็น3แถวใบคล้ายหญ้า หรือเป็นกลุ่มของใบคล้ายหญ้าอยู่บนลำต้นที่มีก้านยาว ได้แก่พวกกกชนิดต่างๆ

กกรังกา กกขนาก กกอียิปต์

DAVALLIACEAE(วงศ์เฟินนาคราช)

DAVALLIACEAE

(DAVAL)

ส่วน ใหญ่เป็นพวกเฟินอิงอาศัย บางนิดขึ้นบนดิน ลำต้นเป็นเหง้าเลื้อยไกล มีเกล็ดปกคลุมหนาแน่น ใบอ่อนมีปลายม้วน ใบเดี่ยว หรือใบประกอบแบบขนนก 1-4ชั้น ก้านใบมีรอยต่อกับเหง้า เนื้อใบหนาคล้ายแผ่นหนัง หรือบางคล้ายกระดาษ หรือบางคล้ายเยื่อ เส้นใบแตกง่าม ปลายอิสระ พักตัวโดยทิ้งใบทั้งหมดในฤดูแล้งและงอกใหม่เมื่อได้รับความชื้นในฤดูฝน เช่น เฟินนาคราช

เฟินนาคราช เฟินนาคราชฟิจิ

DILLENIACEAE(วงศ์ไม้ส้้าน)

DILLENIACEAE

(DILLEN)

มี 18 สกุล ประมาณ 530 ชนิด พืช เขตร้อนมีทั้งเป็นไม้ต้น ไม้พุ่ม และไม้เลื้อย ใบเดี่ยวจัดเรียงแบบสลับ เนื้อใบแข็งกระด้าง ผิวใบหยาบ ขอบใบหยักเว้าเป็นจัก เส้นใบนูนเด่นชัด ตรงขนานกัน มีเยื่อก้านใบซึ่งมักร่วงเร็ว หรืออาจติดอยู่กับโคนก้านใบก็ได้ ดอกมีสีขาว เหลือง เป็นส่วนใหญ่ และแดง ดอกมี5กลีบ ออกดอกตลอดสม่ำเสมอ เมล็ด มีลักษณะแข็ง แบนรี มีอาหารสะสมมาก ผิวเมล็ดมีเนื้อเยื่อกระรุ่งกะริ่งหุ้ม ต้นอ่อนในเมล็ดมีขนาดเล็ก ตัวอย่างพืชในวงศ์นี้ ได้แก่ มะตาด ส้านช้าง ส้านชวา รสสุคนธ์ อรคนธ์


รสสุคนธ์ขาว

รสสุคนธ์แดง

ส้าน

ส้านหิน

มะตาด ส้านใหญ่

ดอกมะตาด

ส้านใบเล็ก

ส้านหิ่ง

ส้านช้าง ส้านนกเปล้า


DIOSCOREACEAE

DIOSCOREACEAE

(DIOSC)

พืช วงศ์มันชนิดต่างๆ เป็นเถาเลื้อยที่ไม่มีเนื้อไม้ รากสะสมอาหารเป็นหัว เป็นพืชเขตร้อนและเขตอบอุ่น มีเส้นกลางใบเส้นใบหลักออกจากโคนใบเห็นชัดเจน ดอกมีขนาดเล็กมากสีเขียว ได้แก่ มันนก กลอย

กลอย

DIPTEROCARPACEAE(วงศ์ไม้ยาง)

ส่วนใหญ่เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ เนื้อไม้มีชัน หรือน้ำยาง  มีกลิ่นเฉพาะตัว  พบทั่วไปทั้งในที่แห้งแล้งและในป่าดงดิบ   ใบ  เดี่ยวออกสลับเส้นแขนงใบมักขนานกันเป็นระเบียบ ดอกหอม สมบูรณ์เพศ วงกลีบเลี้ยงเป็นหลอด กลีบดอกมี5กลีบ มักบิดเวียนเป็นกังหัน เกสรเพศผู้จำนวนมาก ผลแห้งไม่แตก มักมีปีกซึ่งเปลี่ยนมาจากกลีบเลี้ยง มีเมล็ด1เมล็ด ได้แก่พืชกลุ่ม ยาง ตะเคียน พยอม เคี่ยม

        พันธุ์ไม้ในวงศ์นี้มีประมาณ  15  สกุล  680  ชนิด  กระจายพันธุ์ในประเทศไทย  8  สกุล  50  ชนิด  ได้แก่ 

1.  สกุล  Dipterocarpus  เรียกชื่อว่า ยาง  พวกนี้มีปีกยาว เห็นชัด 2 ปีก  มีด้วยกันประมาณ 19 ชนิด  ชนิดที่ขึ้นในป่าเต็งรังนั้นเรียกชื่อไปเป็นอย่างอื่น  เช่น  เหียง                  ( Dipterocarpus obtusifolius ),  พลวง  ( Dipterocarpus tuberculatus ) กราด   ( Dipterocarpus intricatus ) ยางแดง (Dipterocarpus turbinatus) ยางปาย Dipterocarpus alatus ยางนา Dipterocarpus costatus

ยางปาย D.alatus พลวง ยางแดง Dipterocarpus turbinatus
ยางเหียง ยางเหียง D. obtusifolus ยางนา ยางนา  D.costatus

2.  สกุล  Anisoptera  เรียกชื่อทั่วๆไปว่า กระบาก มีอยู่ด้วยกัน 5 ชนิด พวกนี้มีปีกยาว 2 ปีก  ต่างจาก  Dipterocarpus  ที่ถ้วยรองกลีบดอกของ Anisoptera  จะเชื่อมติดกับผล

กระบาก Anisoptera costata

3.  สกุล  Shorea  เรียกชื่อกันไปต่างๆที่ขึ้นอยู่ตามป่าเต็งรัง คือ เต็ง ( Shorea obtusa ), พะยอม ( Shorea roxburghii ) รัง Shorea siamensis เป็นต้น  มีอยู่ด้วยกันประมาณ 20 ชนิด  พวกนี้มีปีกยาว 3 ปีก

พยอม Shorea roxburghii พยอม รัง
เต็ง Shorea obtusa เต็ง เต็ง

4.  สกุล Cotylelobium  มีอยู่เพียงชนิดเดียวคือ เคี่ยม ( Cotylelobium lanceolatum )  มีปีกยาว 2 ปีก  ปีกยาวมีเส้น 5 เส้น

เคี่ยม ( Cotylelobium lanceolatum )

5.  สกุล  Hopea  เรียกกันทั่วๆ ไปว่า  ตะเคียน  เช่น  ตะเคียนทอง  ( Hopea odorata ), ตะเคียนหิน ( Hpoea ferrea )  มีอยู่ด้วยกันประมาณ 16 ชนิด  พวกนี้มีปีกยาว 2 ปีก  ปีกยาวมีเส้นอย่างน้อย 7 เส้น

ตะเคียนทอง ตะเคียนทอง
ตะเคียนหิน ตะเคียนหิน ( Hpoea ferrea ) 

6.  สกุล  Parashorea  มีอยู่ชนิดเดียวคือ  ไข่เขียว  ( Parashorea strllata )  ปีก 5 ปีก  เจริญพ้นตัวผลออกไป  โคนกลีบกิ่วเล็กเป็นก้าน

7.  สกุล  Vatica  มีอยู่ด้วยกัน 7 ชนิด  คือ  พันจำ ( Vatica odorata ) จันทน์กะพ้อ ( Vatica diospyroides )  พวกนี้กลีบเลี้ยงไม่เจริญเป็นปีก  แต่เรียงซ้อนสลับกันหรือเชื่อมติดกันเป็นกระทงหุ้มเชื่อมติดกับผล

พันจำ ( Vatica odorata ) จันทน์กะพ้อ ( Vatica diospyroides )

8.  สกุล  Balanocarpus  มีชนิดเดียว  คือ ตะเคียนชันตาแมว ( Balanocarpus heimii )  กลีบเลี้ยงไม่เจริญเป็นปีก  กลีบไม่เชื่อมติดกับผล

ตะเคียนชันตาแมว Balanocarpus heimii


DRACAENACEAE(วงศ์วาสนา)

DRACAENACEAE

(DRAC)

ไม้ ประดับวงศ์นี้มี4สกุล ได้แก่สกุล คอร์ดิไลน์(Cordyline) หรือหมากผู้หมากเมีย สกุลดราซีนา(Dracaena)หรือวาสนา  สกุลพลีโอเมเล(Pleomele)และแซนซิวิเรีย(Sansevieria)หรือลิ้นมังกร

พืชวงศ์นี้ปลูกเลี้ยงง่าย ชอบดินร่วนระบายน้ำดี แสงแดดรำไรถึงครึ่งวัน

วาสนา หมากผู้หมากเมีย เข็มสามสี จันทน์ผา


EBENACEAE(วงศ์มะพลับ)

EBENACEAE

(EBENA)

ส่วนใหญ่อยู่ในเขตศูนย์สูตร มี6สกุลประมาณ500ชนิด เป็นไม้ ต้นหรือไม้พุ่ม ซึ่งมีเนื้อไม้แข็งแกร่งและเป็นสีดำ ใบเรียงสลับ หายากที่ใบออกตรงข้าม เนื้อใบหนาและเหนียวกระด้าง ดอกต่างเพศต่างต้น วงกลีบดอก3-7กลีบ ดอกเพศเมียเป็นดอกเดี่ยว กลีบเลี้ยงหยัก3-7กลีบ ติดทนและชยายขนาดเมื่อติดผล ผลมีผิวเหนียวฉ่ำน้ำมีเนื้อมักมีหลายเมล็ด เมล็ดจะมีเปลือกชั้นนอกบางและมีเยื่อเละมีอาหารสะสมเป็นประเภทสารอัลคาลอยด์ ได้แก่  

จันเขา Diospyros dasyphylla

กล้วย ฤาษ๊ Diospyros glandulosa

ตับเต่าต้น Diospyros ehretioides

ล่ำตาควาย Diospyros coaetanea 

พลับเขา Diospyros undulata var.eratericalyx  

มะพลับ Diospyros areolata

จัน Diospyros decandra

พลับจีน Diospyros kaki

ตะโกสวน มะพลับใหญ่ Diospyros malabarica

มะเกลือ Diospyros mollis

มะพลับทะเล Diospyros areolata

มะเกลือกา  Diospyros gracilis

มะพลับพรุ Diospyros lanceifolia 

สั่งทำ Diospyros buxifolia

เนียน Diospyros pilosanthera 

ตะโกนา Diospyros rhodocalyx 

พลับดง Diospyros bejaudii                                                                                                                                                                    

มะพลับ มะเกลือ กล้วยฤาษี พลับเขา

อินจัน จันเขา ล่ำตาควาย มะพลับดง

ตะโกสวน สั่งทำ ตะโกนา มะเกลือกา
เนียน พลับพรุ มะพลับทะเล


EHRETIACEA

EHRETIACEAE

(EHRET)

ไม้ ต้นหรือไม้พุ่ม บางครั้งมีหนาม หายากที่เป็นกึ่งไม้พุ่มหรือไม้ล้มลุก มีเนื้อไม้ ใบเรียงสลับ หายากที่ออกตรงข้าม ดอกเป็นช่อกระจุก ช่อเชิงลดทรงกระบอก หรือเป็นช่อกระจุกแน่น กลีบเลี้ยงเป็นหลอด หรือรูประฆัง บางครั้งบาง มักขยายใหญ่และพอง แผ่แบนเมื่อติดผล วงดอกเป็นหลอดหยัก5พูพบน้อยที่หยักเป็น4หรือ6หรือมากกว่า มีเกสรเพศผู้มากเท่ากับจำนวนกลีบดอกและเรียงสลับกับกลีบดอก ผลมีเมล็ดแข็ง ได้แก่ ชาฮกเกี้ยน ชาดัด คอร์เดีย สุวรรณพฤกษ์

คอเดีย ชาฮกเกี้ยน


ELAEOCARPACEAE

ELAEOCARPACEAE

(ELAEO)

ไม้ ต้นใบเดี่ยวเรียงสลับบางครั้งมีจุดอยู่ใต้ใบ ดอกออกตามซอกใบ แบบช่อกระจะ มีดอกเพศเดียวและดอกสมบูรณ์เพศร่วมต้น กลีบเลี้ยง5-6กลีบ จำนวนกลีบดอกเท่ากับจำนวนกลีบเลี้ยง มีเกสรเพศผู้จำนวนมากได้แก่ มะกอกน้ำ ไคร้ย้อย

ไคร้ย้อย มะกอกน้ำ มะกอกน้ำ


ERICACEAE (วงศ์กุหลาบป่า)

ERICACEAE

(ERIC)

มีประมาณ 90สกุล 1,700ชนิด ส่วน ใหญ่ขึ้นอยู่ในเขตอากาศหนาวเย็น มีทั้งไม้พุ่มและไม้ต้นขนาดเล็ก เนื้อแข็ง ใบเดี่ยวเรียงสลับหรือตรงกันข้ามหรือเป็นกระจุก เนื้อใบเหนียว ร่วงง่าย หรืออาจติดนาน ไม่ผลัดใบ ดอกมักมีสีสดใสเด่นสะดุดตา เป็นดอกเดี่ยว หรือเป็นช่อ ออกที่ซอกกิ่งหรือปลายยอดมีเพศครบ รูปทรงดอกได้สัดส่วน กลีบรอง มี 4-5 กลีบ ติดกันที่ฐาน ปลายแยกเป็นแฉก มีสภาพคงทน กลีบดอก มี 4-5 กลีบติดกัน ปลายแยกเป็น 4-5 ลอน ตัวอย่างพรรณไม้ในวงศ์นี้ ได้แก่ อาซาเลีย โรโดเดนดรอน กุหลาบพันปี กุหลาบขาว ส้มแปะ ช้ามะยมดอย ประทัดดอย

Rhododendron taiensis กุหลาบป่า

ตะเกราน้ำ Eriobotrya bengalensis

ตาฉี่เคย มะยมภู ดาวราย Craibiodendron stellatum 

Rhododendron lyi ดอกสามสี

Rhodedendron simsii กุหลาบแดง

Agapetes hosseana สะเภาลม

Rhododendron ludwigianum กุหลาบขาว

Rhododendron delavayi คำแดง

Lyonia ovalifolia เม้าแดง

Gaultheria crenulata ช้ามะยมดอย

Agapetes parishii ประทัดดอย     

กุหลาบพันปี อาซาเลีย กุหลาบป่ามาลายา
คำขาว ประทัดดอย เหง้าน้ำทิพย์ ยางขน
คะเกราน้ำ Eriobotrya bengalensis ตาฉี่เคย มะยมภู กุหลาบเลื้อยเชียงดาว
ช้ามะยมดอย กุหลาบขาว กุหลาบแดง

EUPHORBIACEAE

EUPHORBIACEAE

(EUP)

เป็นวงศ์ขนาดใหญ่มีความผันแปรมาก พบทั่วโลกประมาณ8,100ชนิด เป็นไม้เขตร้อน ส่วนใหญ่อยู่ในเขตศูนย์สูตร มีทั้งไม้ต้นผลัดใบหรือไม่ผลัดใบ ไม้เนื้ออ่อนและไม้พุ่ม บางชนิดมีลักษณะคล้ายพวกกระบองเพชร น้ำยางสีขาวเป็นพิษ บางชนิดใบประดับมีสีสันสะดุดตา ดอกไม่เด่นขนาดเล็ก สีเขียว เหลือง ขาว ดอกมักแยกเพศบนต้นเดียวกันหรือแยกต้นได้แก่ คริสต์มาส โกสน โป๊ยเซียน หางกระรอก พญาไร้ใบ ส้มเช้า

โป๊ยเซียน แสยก ส้มเช้า

หางกระรอกแดง มะขามป้อม น้ำนมราชสีห์

สบู่ดำ สบู่แดง มักเม่า


กระดุมผี มันปลา ขันทองพยาบาท

เจตพังคี เจตพังคี พญาไร้ใบ

FAGACEAE(วงศ์ไม้ก่อ)

มี 9 สกุล ประมาณ 600 ชนิด เป็นไม้ยืนต้นหรือไม้พุ่มขนาดใหญ่ บางชนิดไม่ผลัดใบพบตั้งแต่ป่าดิบพื้นราบจนถึงป่าดิบเขาระดับสูง บางชนิดพบในป่าดิบแล้ง ใบเดี่ยว ติดเรียงแบบสลับ มีเยื่อก้านใบ เส้นใบด้านล่างนูนเด่นชัด ขอบใบเป็นหยักหรือเว้าลึก เนื้อใบเหนียว ช่อดอกเพศผู้ ห้อยหัวลง ช่อดอกเพศเมียมีดอกไม่มาก ขึ้นเป็นกลุ่มพวง
กลีบรวม ผลที่ฐานมีกาบรองผลเรียงซ้อนกันอยู่หลายชั้น ผิวของกาบรองเป็นขนนุ่มหรือเปราะ เมล็ด มีเหลือเพียง 1 เม็ด ขนาดใหญ่ มีน้ำมันสะสมอยู่มาก
ในประเทศไทยสำรวจพบมี 4 สกุล ประมาณ 100 ชนิด

ตัวอย่างชนิดพรรณไม้ในวงศ์นี้

Castanea mollissima เกาลัดจีน
Castanopsis acuminatissima ก่อเดือย
Castanopsis diversifolia ก่อแป้น
Castanopsis fissa ก่อตาหมู
Castanopsis piriformis ก่อหิน
Castanopsis wallichii ก่อบ้าน
Lithocarpus elegans ก่อหม่น
Lithocarpus polystachyus ก่อนก
Quercus helferiana ก่อขี้หมู
Quercus kerrii ก่อแพะ
Quercus semiserrata ก่อกระดุม
Quercus wangsaiensis ก่อแป้น, Lithocarpus fenestratus ก่อพวง

ก่อพวง Castanopsis armata

Quercus eumorpha

Quercus eumorpha

C.calathiformis


ก่อแพะ Quercus kerrii

ก่อพวง

ก่อนก

Quercus lanata ก่อเดือย ก่อลิ้ม

FLACOURTIACEAE (วงศ์กระเบา)

FLACOURTIACEAE

(FLAC)

พันธุ์ไม้ในวงศ์นี้มีประมาณ  84  สกุล  1,300  ชนิด  กระจายพันธุ์ในประเทศไทย  9  สกุล  40  ชนิด  เป็นไม้ ต้นหรือไม้พุ่ม บางครั้งมีหนาม ใบเี่ดี่ยวเรียงสลับ ตรงข้ามหรือวงรอบข้อ ดอกสมมาตรตามรัศมี ดอกสมบูรณ์เพศ หรือดอกเพศเดียว บางครั้งต่างเพศต่างต้น ดอกออกตามซอกใบหรือปลายยอด เป็นดอกเดี่ยวหรือเป็นกระจุก กลีบดอกอาจมีจำนวนมากกว่ากลีบเลี้ยง ผลแห้งแตก ผลมีเนื้อหลายเมล็ด หรือแห้งไม่แตก ได้แก่ไข่ดาว

Flacourtia indica ตะขบ ป่า

Flacourtia jangomas ตะขบควาย

Flacourtia rukam ตะขบไทย

Homalium damrongianum พิกุลป่า

Homalium tomentosa ขานาง

Hydnocarpus anthelminthicus กระเบาใหญ่

Hydnocarpus calvipetalus กระเบา

Hydnocarpus ilicifolius กระเบากลัก

ไข่ดาว Hydnocarpus calvipetalus กระเบา Hydnocarpus ilicifolius กระเบากลัก

Flacourtia rukam ตะขบไทย   ตะขบไทย กรวยป่า Casearia grewiaefolia

ขานาง ขานาง Flacourtia indica ตะขบป่า, ตะขบควาย


GENTIANACEAE(วงศ์ดอกหรีด)

เขตกระจาย พันธุ์ พบเฉพาะบนภูเขาหินทรายยอดตัด ที่ระดับความสูง 14,100 - 1,500 เมตร ของภูกระดึงและภูหลวง ในเขตจังหวัดเลย ชอบขึ้นตามพงหญ้าเตี้ยๆ ในป่าสนเขาและป่าละเมาะเขาไม้ ล้มลุกขนาดเล็ก ต้นเป็นกระจุกติดผิวดิน หรือมีลำต้นแยกแขนงสั้นๆ เหนือผิวดินเล็กน้อย ใบเดี่ยว ออกซ้อนกันแน่นรอบลำต้น ไม่มีก้านใบ แผ่ใบรูปไข่หรือรูปใบหอก ดอกออกเป็นกลุ่มตรงยอด 2-7 ดอก กลีบดอกติดกันคล้ายรูประฆัง สีฟ้าอมม่วงหรือสีฟ้าอมชมพู ผลแห้ง ขนาดเล็ก รูปไข่กลับ เมื่อแก่แตกตามยาวตัวอย่างพืชในวงศ์นี้ได้แก่

ดอกหรีด Gentiana hesseliana Hoss. var. lakshnakarae 

หรีดโทน Gentiana hesseliana 

หรีดเชียงดาว Gentiana   leptoclada ssp. australis  

หญ้าดอกลาย Swertia angustifolia

สิงขรา Swertia calcicola

ดอกหรีดเขา Gentiana crassa 

สิงขรา Swertia calcicola

ศรีเชียงดาว Swertia chiangdaoensis P,Suksathan

หญ้าเหลี่ยม Swertia angustifolia Buchanan - Hamilton ex.D.Don

ตากะปอ Swertia calcicola

กันเกรา

โกงกางเขา Fagraea ceilanica

หรีดเชียงดาว หรีดเขา ตากะปอ หญ้าเหลี่ยม
หรีดโทน หญ้าดอกลาย ศรีเชียงดาว
ดอกหรีด โกงกางเขา กันเกรา สิงขรา
GESNERIACEAE(ไม้วงศ์ใบสักหลาด)

GESNERIACEAE

(GESN)

มีประมาณ 120 สกุล 2,000 ชนิดเป็นไม้ล้มลุกหรือไม้พุ่มขนาดเล็ก บางชนิดเป็นไม้เลื้อยหรือขึ้นอยู่บนไม้อื่น อาจมีลำต้นใต้ดิน ใบเดี่ยว ติดเรียงแบบ decussate หรือขึ้นเป็นกลุ่มกระจุกจากระดับดิน ใบมีขนคลุม ฐานใบมักเฉียง พื้นที่ใบทั้งสองข้างไม่เท่ากัน ดอก เป็นดอกเดี่ยวหรือเป็นช่อกระจุกเกิดที่ซอกกิ่ง ดอกมีขนาดและสีเห็นได้ชัด สมบูรณ์ กลีบเลี้ยงมี 5 กลีบติดกันที่ฐาน ปลายแยกเป็นแฉก กลีบดอก มี 5 กลีบ เชื่อมรวมกันเป็นรูปกระดิ่ง ระฆัง หรือแบบขอบพาน เกสรตัวผู้ มี 4 อัน ตัวอย่างพืชในวงศ์นี้ได้แก่แอฟริกันไวโอเล็ต,

กำมะหยี่หมอคาร์( Pterocosmea kerrii)

พรมกำมะหยี่(Episcia cupreata)

ระฆังทอง(Chrysothemis pulchella)

อั้งเปา(Seemannia latifolia)

ว่านไก่แดง(Aeschynanthus hildebrandii),

คำหยาด (Chirita micromusa )

ว่านไก่แดง (Aeschynanthus garrettii)

เฉวียนฟ้า (Rhychoglossum obliquum)

ช้าส้านน้ำ( Rhychoglossumobovatum)


แอฟริกันไวโอเล็ต กำมะหยี่หมอคาร์ เฉวียนฟ้า ช้าส้านน้ำ
ว่านไก่แดง อั้งเปา ระฆังทอง พรมกำมะหยี่

GOODENIACEAE (วงศ์รักทะเล)

GOODENIACEAE

(GOOD)

ไม้ ล้มลุก หรือไม้กึ่งไม้พุ่ม ใบเรียงสลับ หายากที่จะออกตรงข้าม ดอกสมบูรณ์เพศ ดอกเดี่ยวหรือแบบช่อแยกแขนง กลีบเลี้ยงเชื่อมติดกันเป็นหลอด มี5กลีบ กลีบดอกเชื่อมติดกันมี5กลีบ เกสรเพศผู้5 ผลมีเมล็ดแข็ง หรือผลเปลือกแข็ง หรือผลแห้งแตก เมล็ดเล็กได้แก่ รักทะเล(บ่งบง)

Scaevola taccada

รักทะเล


GRAMINIACEAE(วงศ์หญ้า)

GRAMINIACEAE

(GRAM)

พืชวงศ์หญ้าที่มีทั้งไม้ล้มลุก และไม้พุ่ม มักงอกจากเหง้าใต้ดิน ส่วนใหญ่ลำต้นตัน บางชนิดมีลำต้นกลวง ได้แก่ อ้อย หญ้า ข้าว ไผ่

ไผ่ ข้าว หญ้า


GUTTIFERAE(วงศ์มังคุด)

GUTTIFERAE

(GUTT)

มีประมาณ  40  สกุล  1,000  ชนิด  กระจายพันธุ์ในประเทศไทย  6  สกุล  60  ชนิด  ไม้ ต้นและไม้พุ่มเขตร้อนเมื่อลำต้นและผลมีบาดแผลจะมียางเหนียวใสสีน้ำผึ้ง  หรือสีเหลืองขุ่นซึมออกมาเป็นเม็ด ๆ ลำต้นมักไม่มีพูพอน  แต่บางชนิดพบว่ามีรากค้ำยัน  ใบ  เดี่ยว  ออกตรงข้ามกันเป็นคู่สลับ  เส้นแขนงใบเรียงชิดเกือบติดกันเป็นแนวจากเส้นกลางใบไปหาขอบใบ  เนื้อใบหนา 

ดอก  สมบูรณ์เพศ  ออกเป็นช่อสั้น ๆ ตามง่ามใบ  กลีบรองดอกมักมี  4  กลีบ  และอยู่ตรงข้ามกันเป็นคู่  กลีบดอกมี  0-2-4  กลีบ  เกสรเพศผู้มีมาก  บางครั้งโคนก้านเชื่อมติดกัน   ผลมีเนื้อ1เมล็ด เข่น เกล็ดกระโห้ กระทิง บุนนาค ชะมวง  มะดะหลวง ติ้วเกลี้ยง  มะดัน ติ้วขน  มะพูด  ติ้วขาว  มังคุด 

ชะมวง มะดะหลวง ติ้วเกลี้ยง

บุนนาค สารภึ เกล็ดกระโห้

ดอกกระทิง กระทิง มังคุด

www.suansavarose.com

22/12/2010

  Copyright 2005-2009 suansavarose All rights reserved.
view